ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“อนุทิน” แจงรายละเอียด “บิ๊กตู่” เผยจัดหาวัคซีนโควิดเพิ่ม 35 ล้านโดสให้หอการค้าไทย 10-15 ล้านโดสครอบคลุมประชากร 70 ล้านคน จากปัจจุบันได้เพียง 35 ล้านคน ทั้งหมดเพื่อคนไทยได้รับวัคซีนโควิด ส่วนยี่ห้อไหนอยู่ที่การเจรจา เผยพรุ่งนี้ (22 เม.ย.) มีเจรจราร่วมตัวแทนวัคซีน 2-3 ราย ถกต้องส่งของเร็วที่สุด เพราะเงินมี แต่ถ้าส่งไตรมาส 4 ก็ช้าไป

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าให้กระทรวงสาธารณสุขจัดหาวัคซีนจากไฟเซอร์ 5-10 ล้านโดส ว่า ท่านนายกฯ สนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด -19 ทุกชินิดที่มีความปลอดภัย ไม่ได้ระบุยี่ห้อใด ยี่ห้อหนึ่ง ท่านก็มีความกังวล โดยบอกว่าต่อให้ในทางทฤษฎีกระทรวงสาธารณสุขจะระบุว่าการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 60% ของจำนวนประชากรก็ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ แต่ท่านนายกฯ ก็ย้ำว่าให้เผื่อเอาไว้เป็น 70% เลย ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงพยายามหาวัคซีนให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหนก็ตาม

“เวลาแต่ละช่วงไม่เหมือนกัน เมื่อ 6 เดือนที่แล้วไม่มีใครบอกได้ว่าวัคซีนจะส่งได้เมื่อไหร่ พอประเทศไทยสั่งวัคซีนแอสตราเซนเนกาได้ 60 กว่าล้านโดส เจ้าอื่นก็เริ่มเข้ามา จากที่เคยบอกว่าจะส่งได้สิ้นปี 2564 ตอนนี้ก็ร่นมาเป็นไตรมาส 3 เราบอกว่าขอในช่างปลายไตรมาส 2 ได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นทุกอย่างอยู่ที่การเจรจา พรุ่งนี้ (22 เม.ย.) ก็จะมีการเจรจากับตัวแทนวัคซีนอีก 2-3 ราย สิ่งสำคัญจะได้ของมาเมื่อไหร่ เงินก็มี เงื่อนไขอะไรก็ได้ แต่ถ้าส่งไตรมาส 4 ก็ช้าเกินไป นี่ก็แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลฟังทุกเสียง ทุกคำแนะนำ ผมพูดมาตลอดว่าถ้ามีวัคซีนเยอะ ส่งได้ เงื่อนไขเหมาะสมเราก็ซื้อได้ เราก็ไม่ได้ต้องการขี่ม้าตัวเดียวอยู่แล้ว แต่เราต้องมีม้าหลักของเราก่อน ” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามถึงรายละเอียดที่ นายกฯ ออกมาเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กล่าสุดเมื่อช่วงเช้า (21 เม.ย.) ว่าคณะทำงานพิจารณาจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด ได้ข้อสรุปจัดหาวัคซีน 2-3 ยี่ห้อ เพิ่มเติม 35 ล้านโดส ในจำนวนนี้เป็นของหอการค้าไทยประมาณ 10-15 ล้านโดส นายอนุทิน กล่าวว่า นั่นเป็นตัวเลขที่บอกว่าจะให้ครอบคลุมคน 70ล้านคน ซึ่งตอนนี้ที่มีเราครอบคลุมคนประมาณ 35 ล้านคน ไม่อยากมองว่าเป็นโควตาของรัฐบาล หรือของใคร ตัวเลขนี้ก็เป็นไปตามจำนวนความต้องการใช้ ท่านนายกฯ ก็มาช่วยหาอีกแรง ท่านใช้กลไกกระทรวงต่างประเทศ กลไกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งท่านเล่าให้ฟังว่าได้เจรจาผู้นำประเทศขอให้ช่วยไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย อเมริกา หรือจีน เป็นต้น ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน

มีการตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลรอให้เอกชนออกมาเคลื่อนไหว ถึงออกมามีทางเลือกมากขึ้น นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลทำทุกอย่างอยู่แล้ว เอกชนก็มาให้ความเห็น ซึ่งเราก็ฟัง เราก็คิดตรงกัน ไม่ได้ช้า ไม่ได้บอกวาห้ามเอกชนฉีด ถ้าเขาส่งได้จริง อย่างที่บอกว่ามี 10 ล้านโดส ถ้าเจรจามาได้ก็มาขึ้นทะเบียนเลย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมพิจารณาขึ้นทะเบียนอยู่แล้ว ไม่ใช่บอกแต่ตัวเลข แล้วยังไม่เห็นอะไรมาแล้วมาบอกว่ารัฐช้าอย่างนี้ไม่ได้ เพราะรัฐก็สั่งของรัฐ เมื่อมีความจำเป็น มีสถานการณ์การระบาดเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันก็รีบนำวัคซีนมาเพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวถามว่าการซื้อวัคซีนของไทยมีข้อจำกัดเรื่องราคาวัคซีนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า วัคซีนของไฟเซอร์ ตอนนี้ก็มีเหตุผลแล้ว เพราะในระยะหลังสามารถฉีดในกลุ่มที่อายุ 12 ปี ขึ้นไปได้ นี่เป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขที่ไทยนำมาพิจารณาด้วย ประกอบกับในระยะหลัง ก็เพิ่งมีการปรับปรุงในเรื่องของการจัดเก็บวัคซีนเหลือประมาณลบ 20 องศาเซลเซียส จากช่วงแรกต้องจัดเก็บในอุณหภูมิลบ 70 องศาเซลเซียส ซึ่งปัจจุบันระบบความเย็นของไทยยังรองรับวัคซีนที่จัดเก็บในอุณหภูมิลบ 20 องศาฯ ได้ ยิ่งถ้าสามารถจัดเก็บได้ในอุณหภูมิลบ 2-8 องศาฯ ก็จะยิ่งดี อย่างไรก็ตาม ในส่วนของไฟเซอร์นั้นยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขก็บอกให้เขาส่งใบเสนอราคามา ถ้าส่งวัคซีนให้ได้เร็ว  มิ.ย.หรือ ก.ค. เราคว้าเลย ซึ่งการฉีดให้ใครนั้นขึ้นกับจำนวนที่จะได้มา สมมติถ้าได้มา 10 ล้านโดสก็ฉีดให้ครอบคลุมกลุ่มวัยรุ่นได้ ถ้าได้มากกว่านี้ก็ฉีดเป็นวัคซีนทั่วไปได้