ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

โควิดเสียชีวิต 19 คน อาการหนักปอดอักเสบ 1,138 ราย และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 380 ราย ย้ำ! หากมีประวัติสงสัยสัมผัสผู้ติดเชื้อต้องเข้ารับการตรวจเร็วที่สุด เหตุผู้เสียชีวิตบางท่านไม่ทราบติดโควิด มาถึงรพ.อาการรุนแรงและเสียชีวิต

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 8 พ.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) แถลงสถานการณ์โควิด19 ประจำวัน ว่า สถานการณ์ทั่วโลกติดเชื้อรายใหม่ 836,485 ราย ทำให้ยอดสะสม 157,530,729 ราย ยอดผุ้เสียชีวิตวันนี้ 13,726 คน ยอดสะสม 3,283,727 คน คิดเป็น 2.1% ขณะที่ประเทศในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะมาเลเซียติดเชื้อรายใหม่ 4,498 ราย ส่วนไทยอยู่อันดับที่ 99

สำหรับสถานการณ์โควิดติดเชื้อรายใหม่ 2,419 ราย รวมสะสม 81,274 ราย ส่วนการติดเชื้อระลอกใหม่เดือนเม.ย.2564 ติดเชื้อสะสม 52,411 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 19 คน รวมระลอกเม.ย.นี้เสียชีวิตสะสม 288 คน คิดเป็น 0.55% ขณะที่ยังรักษาตัว 29,473 ราย แยกเป็นผู้ป่วยอาการหนัก มีปอดอักเสบ 1,138 ราย และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 380 ราย อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยที่รักษาหาย 23,993 ราย โดยที่อนุญาตกลับบ้านแล้ววันนี้วันเดียว (8 พ.ค.) 2,247 ราย

ส่วนผู้เสียชีวิต 19 คน มาจากกรุงเทพฯ 7 คน สมุทรปราการ ปทุมธานี จังหวัดละ 2 คน นอกนั้นจังหวัดละ 1 คน คือ นครสวรรค์ สมุทรสาคร กาญจนบุรี ชลบุรี นครศรีธรรมราช สงขลา นครปฐม และสุรินทร์ ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้วิเคราะห์ข้อมูลพบว่า อายุน้อยสุดของผู้เสียชีวิต 42 ปี อายุมากที่สุด 93 ปี และจำนวนมากเป็นผู้มีโรคประจำตัว ทั้งความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง อ้วน ฯลฯ และมีปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อมากที่สุดจากการใกล้ชิดกับสมาชิกครอบครัวถึง 9 ท่าน และสัมผัสกับผู้ติดเชื้อยืนยัน ทั้งนี้ มี 2 ท่าน คนที่ไม่ทราบประวัติว่า ติดเชื้อจากใคร ที่ไหนอย่างไร

“ที่น่าสนใจวันที่ทราบผลติดเชื้อจนเสียชีวิตมี 1 ท่านไม่ทราบว่ามีการติดเชื้อจนพบแพทย์ และผู้ป่วยเสียชีวิตในวันเดียวกัน และอีก 5 คน ระยะเวลาพบเชื้อและเสียชีวิตอยู่ในช่วงเวลา 1-6 วัน หรือช่วงสัปดาห์แรก ดังนั้น หากมีประวัติว่าสงสัยสัมผัสผู้ติดเชื้อยืนยันก่อนหน้าขอให้เข้ารับการตรวจโดยเร็วที่สุด เพราะหลายครั้งไม่แน่ใจว่าตัวเองเจ็บป่วยติดเชื้อหรือไม่ ในที่สุดเมื่อเข้ารพ.ก็จะพบว่า อาการรุนแรง และเสียชีวิต” พญ.อภิสมัย กล่าว