ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ศบค.เปิดรายละเอียดปรับโซนนิ่งคุมมาตรการโควิด มี 4 จ. “กทม.นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ” ทานอาหารในร้านได้ โต๊ะ 4 คน นั่งได้ 1 คน เปิดถึง 3 ทุ่ม จัดมาตรการอื่นๆรองรับ ทั้งกฎหมายกำกับ หากฝ่าฝืนครั้งแรกเตือน ครั้งต่อมาสั่งปิด! พร้อมเตรียมวัคซีนให้ผู้ประกอบการร้านอาหารอีกว่าแสนราย

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 15 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 กล่าวถึงกรณีปรับระดับสีพื้นที่และผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด19 ว่า มติที่ประชุมจากกระทรวงสาธารณสุข มาเข้าที่ประชุมของ ศปก.ศบค. เห็นชอบและจะนำเสนอต่อท่านนายกรัฐมนตรี พิจารณาเห็นชอบ เพื่อให้มีคำสั่งอย่างเป็นทางการ โดยจะมีการปรับพื้นที่จังหวัด 3 สี แบ่งเป็น

1.พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด(สีแดงเข้ม) เหลือ 4 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ

2.พื้นที่ควบคุมสูงสุด(สีแดง) 17 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี สมุทรสาคร สงขลา และสุราษฎร์ธานี

3. พื้นที่ควบคุม(สีส้ม) 56 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ชัยภูมิ ชัยนาท ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครนายก นครพนม นครราชสีมา นครสวรรค์ น่าน หนองคาย บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี ปัตตานีพังงา พัทลุง พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหารแม่ฮ่องสอน ยโสธร ร้อยเอ็ด ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สตูล สระแก้ว สระบุรี สมุทรสงคราม สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุรินทร์ หนองบัวลำภู อ่างทองอุดรธานีอุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ

สำหรับ “พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด” 4 จังหวัดนี้ จะสามารถบริโภคอาหารในร้านได้ โดยนั่งได้ไม่เกิน 25% หรือกำหนดโต๊ะสำหรับ 4 คน นั่งได้ 1 คน เปิดบริการได้ไม่เกินเวลา 21.00 น. หากสั่งกลับบ้านได้ไม่เกินเวลา 23.00 น. นอกจากนี้ ยังคงมาตรการงดจำหน่ายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน

ส่วน "พื้นที่ควบคุมสูงสุด" สีแดง 17 จังหวัด สามารถบริโภคอาหารในร้านได้ไม่เกินเวลา 23.00 น. ให้งดการจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน นอกจากนี้ส่วนของสถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

ขณะที่ "พื้นที่ควบคุม" สีส้ม 56 จังหวัด สามารถบริโภคในร้านได้ตามปกติ งดการจำหน่ายและงดดื่มสุรา นอกจากนี้ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อการจัดการเรียนการสอน กิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมากตามมาตราที่กำหนด

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า การผ่อนคลายมาตรการนี้จะต้องเสนอ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศบค.ลงนามให้ความเห็นชอบ ซึ่งที่ประชุมก็มีการพูดคุยถึงมาตรการผ่อนคลายนี้ว่า มีคนอยู่ 2 กลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งรู้สึกเฮ แต่อีกกลุ่มก็กังวลใจ คณะกรรมการศปก.ศบค. จึงต้องบริหารทุกเรื่อง ทั้งเชิงยุทธศาสตร์ มาตรการและอารมณ์อีกด้วย อย่างไรก็ตาม มีการเชิญกรมอนามัย และสมาคมภัตตาคารไทยมาให้คำมั่นสัญญา ซึ่งได้พูดคุยกันแล้ว โดยสมาชิกของสมาคม ผู้ประกอบการทั้งหลายให้ความร่วมมือเต็มที่ จนมีมาตรการต่างๆ เกิดขึ้นในการเข้มงวดป้องกันการแพร่ระบาด มีทั้งมาตรการหลัก มาตรการเสริม และมาตรการจำเพาะ โดยจะมีการประเมินตัวเองผ่านเทคโนโลยี ไทยสต๊อปโควิด มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้หลายประเทศทำมาก่อน และเราก็เคยทำ

“ดังนั้น เมื่อมีการผ่อนคลาย แต่ก็ยังมีมาตรการป้องกันอยู่ แต่ต้องขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือในการป้องกันโรคด้วย โดยหลักจะมีมาตรการ 4 อย่าง 1.ลดการนั่งทานอาหารลงเหลือ 25% เพื่อเว้นระยะห่าง 2.ฉีดวัคซีนโควิดในกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร ซึ่งคาดว่าเป็นแสนราย 3.การกำกับมาตรการนี้ให้เข้มข้น โดยมอบให้กรมอนามัยและส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายปกครอง คณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัด หากพบว่าผิดครั้งแรกให้ตักเตือน แต่หากไม่ถูกต้องอีก เป็นอำนาจสั่งปิดร้านได้เลย และ 4. ประเมินระยะยาว หากเกิดเหตุติดเชื้อขึ้นมาจากการผ่อนคลายนี้ก็สามารถปิดได้เช่นกัน” โฆษก ศบค. กล่าว

สำหรับจะมีการบังคับใช้มาตรการนี้เมื่อไหร่นั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เร็วที่สุดจะมีผลในเที่ยงคืนวันนี้ (15 พ.ค. 64) หรือไม่ก็อาจเป็นคืนวันพรุ่งนี้ (16 พ.ค. 64) โดยสามารถดูรายละเอียดทั้งหมดที่จะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา

(ข่าวเกี่ยวข้อง : ราชกิจจาฯ ประกาศนั่งกินอาหารในร้านถึง 3 ทุ่ม พร้อมข้อกำหนดสวมหน้ากากอนามัย มีผล 17 พ.ค.นี้)