ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รองนายกฯ-รมว.สธ. ลั่นไม่มีการเลื่อนฉีดวัคซีนโควิด หลังรพ.ประกาศเลื่อน ส่วนกรณีราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จัดสรรโควต้าให้กระทรวงการอุดมศึกษาฯพิจารณา ขอให้สอบถามทาง อว. ด้านบริษัทแอสตราฯ เผยล็อตต่อไปจะพิจารณาร่วมกับกรมควบคุมโรคเป็นรายสัปดาห์เพื่อให้ส่งทันตามกำหนด

ตามที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ประกาศเลื่อนฉีดวัคซีนโควิด เหตุมีไม่เพียงพอ พร้อมทั้งหลายโรงพยาบาลในจังหวัดประกาศเลื่อนฉีดออกไปก่อน จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า วัคซีนโควิดไม่เพียงพอ หรือวัคซีนแอสตราเซเนกาไม่สามารถส่งได้ทันหรือไม่นั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค รับมอบวัคซีนแอสตราเซนเนกา จากบริษัท แอสตราเซเนกา (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยมีนายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตราเซนเนกา (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ส่งมอบ

นายอนุทิน กล่าวภายหลังการรับมอบว่า ขอยืนยันว่าเราไม่มีการเลื่อนฉีดวัคซีน และไม่เคยคิดที่จะเลื่อน วันนี้ทุกอย่างเป็นไปตามสัญญาว่าแอสตราเซนเนกาจะผลิตวัคซีน และส่งมอบให้กับประเทศไทยตามสัญญา คือ เดือนมิ.ย. จากนี้จะกระจายไปทุกจังหวัดตามแผน และยืนยันด้วยว่าประเทศไทยไม่ได้ขี่ม้าตัวดียว วันนี้ม้าตัวแรกเริ่มที่แอสตราเซนเนกา ต่อมามี ซิโนแวค และจะมีจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน โมเดอร์นา และล่าสุด คือ ซิโนฟาร์ม และจะมีตัวต่อๆ ไป ตราบใดที่ผู้ผลิตวัคซีนมีความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของเขามีคุณภาพที่ดีสามารถทำให้ประชาชนของเรา มีความปลอดภัยจากการระบาดของโรคโควิดได้เขาก็จะมาขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่มีผู้เชี่ยวชาญพิจารณาได้เร็ว และเป็นไปตามมาตรฐาน

“ทุกท่านสบายใจว่าเราทำทุกสิ่งทุกอย่างตามเหตุและผล และความจำเป็นความเหมาะสม เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลาย ท่านใดก็ตามที่ยังพูดว่ารัฐบาลไทยเลือกมาตัวเดียวในการนำวัคซีนมาฉีดให้กับพี่น้องประชาชน ก็ขอความกรุณาเปลี่ยนความคิดซะใหม่ เพราะรัฐบาลไทยไม่เคยเลือกมาตัวเดียว รัฐบาลไทยมีความพร้อมที่จะรองรับกับสถานการณ์ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้” นายอนุทิน และว่า ส่วนกรณีราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์นั้น ทางศบค.ได้มีการจัดสรรในโควต้ากระทรวงการอุดมศึกษาวิทยศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ดังนั้นขอให้สอบถามอว.ว่าจะมีการจัดสรรกันอย่างไร

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข พูดมาตลอดว่าทำการฉีดวัคซีนมาต่อเนื่องตลอดตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.จนถึงปัจจุบันก็จะทำการฉีดต่อไปให้ครบจำนวนประชากรของประเทศนี้ให้มากที่สุด และไม่ได้จบแค่ปีนี้ เพราะวัคซีนอาจจะมีประสิทธิภาพประสิทธิผล 6 เดือน 9 เดือนหรือ 1 ปี ดังนั้นเรายังต้องการทำการพิสูจน์ ค้นคว้าวิจัยทดลองพัฒนาต่อไปตราบใดที่โควิดยังเป็นโรคระบาดทั่วโลกอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้นโยบายอย่างชัดเจนกับพวกตนและกระทรวงสาธารณสุขว่าเราจะต้องมีวัคซีนแจกจ่ายให้คนไทยและผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยทุกคนโดยเป็นภาระของรัฐบาล ขอให้ทุกท่านทำความเข้าใจและตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้องและให้กำลังใจบรรดาบุคคลากรทางการแพทย์ ทุกคนที่ทุ่มเทให้พี่น้องประชาชนปลอดภัยปลอดเชื้อฯ

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า แผนการกระจายและฉีดวัคซีนไปตามจังหวัดต่างๆ เป็นแผนที่ถูกรับรองโดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) โดยแผนดังกล่าวเอาประชากรตั้งประชากรแฝงมารวมกันหารด้วย 4 คือ 4 เดือนคูณด้วยแฟคเตอร์เกี่ยวกับความเร่งด่วน การระบาด ทำให้มีการกระจายวัคซีนไปตามศบค.กำหนด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะส่งวัคซีนให้เป็นไปตามแผน

“ดังนั้น เมื่อรับวัคซีนมาจากแอสตราฯ และซิโนแวค เราก็ทำตามแผนมาตลอด ซึ่งที่มีข่าวกันว่าเลื่อนฉีดนั้น จริงๆไม่ได้มีการเลื่อนฉีดแต่อย่างใด อาจเพราะข่าวออกมาเร็ว เนื่องจากเดิมเราได้มาก่อน 2 แสนกว่าโดส เราก็รีบส่งไป จึงทำให้จังหวัดได้ประมาณ 3,600 โดส แต่เมื่อล่าสุดเราได้ 1.8 ล้านโดสเราก็จะส่งตามไป จึงไม่มีการเลื่อนการฉีดแน่นอน และเราก็วางแผนกันเป็นรายสัปดาห์ เพื่อให้มีวัคซีนครบทั้งหมด” ปลัดสธ.กล่าว

 

 

นายเจมส์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาจำนวน 1.8 ล้านล็อต ซึ่งเป็นล็อตใหญ่ล็อตแรกและจะมีการทยอยส่งมอบตามกำหนดการ ซึ่งแต่ละล็อตมีการควบคุมคุณภาพ มีการตรวจสอบมากกว่า 60 รายการและส่งตรวจทั้งสหรัฐอเมริกา และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการส่งล็อตที่ 2 เมื่อไหร่ จะทันในช่วงเดือนมิ.ย.นี้หรือไม่ นายเจมส์ กล่าวว่า วันนี้เป็นก้าวแรกที่มีการส่งล็อตใหญ่ 1.8 ล้านโดส ส่วนล็อตอื่นๆ จะมีการพิจารณาร่วมกับทางกรมควบคุมโรคเป็นรายสัปดาห์ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

นายเจมส์ กล่าวถึงกรณีข่าวฟิลิปปินส์ระบุว่าแอสตราฯ แจ้งอาจส่งวัคซีนไทย ว่า เรื่องนี้ขอยืนยันว่าจะมีการส่งให้ทันแต่ละประเทศในภูมิภาคอาเซียนนี้ทันเดือน ก.ค.