ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ย้ำกรณีการตรวจภูมิต้านทานหลังฉีดวัคซีนโควิด19 เป็นเรื่องไม่จำเป็น การติดตามภูมิฯ เป็นข้อมูลทางวิชาการ งานวิจัย ส่วนคนที่ติดเชื้อแล้วควรมีการฉีดวัคซีนแต่ไม่ต้องรีบ รอได้

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สลับชนิดกัน ว่า โดยหลักการของวัคซีนนั้นสามารถทำได้ แต่กรณีที่เป็นวัคซีนใหม่เข็มแรกฉีดตัวไหน เข็ม 2 ก็ควรฉีดตัวนั้น ยกเว้นว่าฉีดเข็มแรกแพ้แล้วเข็มที่ 2 ค่อยเปลี่ยนชนิดของวัคซีน ทั้งนี้ การเปลี่ยนชนิดวัคซีนจะต้องมีการศึกษาอย่างละเอียด เช่นที่ตะวันตกก็มีการศึกษาเรื่องนี้เยอะ อย่างเช่นสหรัฐอเมริกามีการศึกษามาก่อนจะปรับเปลี่ยนแนวทางการฉีด แต่เป็นการศึกษาในวัคซีนชนิด mRNA กับไวรัลเว็คเตอร์ ก่อนจะให้เปลี่ยนแนวทางการฉีด แต่ของประเทศไทยนั้นมีการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตาย กับไวรัลเวคเตอร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตจากคณะกรรมการจริยธรรมเพื่อศึกษาในมนุษย์ ก่อนจะเปิดรับอาสาสมัครต่อไป

เมื่อถามว่าขณะนี้มีการตั้งข้อสังเกตถึงแผนการฉีดวัคซีนว่าควรปูพรมทั้งประเทศพร้อมกันเลย หรือปูพรมฉีดพื้นที่ระบาด ถึงจะเหมาะสม ศ.นพ.ยง กล่าวว่า ลักษณะการระบาดที่เป็นทางการของเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 นั้น เป็นลักษณะระบาดจากเมืองออกสู่ชนบท จึงควรปูพรมฉีดวัคซีนในพื้นที่ระบาดใหญ่ ดังนั้นการที่แผนการฉีดวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุขทำดีแล้วในการปูพรมฉีดในพื้นที่สีแดงก่อน

เมื่อถามถึงกรณีคนติดโควิดแล้วสามารถฉีดวัคซีนโควิดได้หรือไม่ หรือต้องรอก่อน ศ.นพ.ยงกล่าวว่า คนที่ติดเชื้อโควิดแล้ว เท่ากับคนที่ฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 1 เข็ม โดยหลักเชื่อว่าจะสามารถรอได้ เนื่องจากจำนวนวัคซีนยังมีปริมาณจำกัด และข้อมูลเท่าที่มีสามารถรอการฉีดได้ 6 เดือน

อย่างไรก็ตาม การตรวจภูมิต้านทานหลังฉีดวัคซีนไม่มีความจำเป็นขอให้เป็นการทำในงานวิจัยเท่านั้นและออกมาเป็นภาพรวมว่าวัคซีนตัวนั้นตัวนี้ออกมาเป็นอย่างไรส่วนใดๆทั่วไปที่อยากรู้ไม่มีความจำเป็น เพราะได้ตัวเลขมาก็ไม่สามารถ ทำอะไรได้ และเสียดายเงินทองที่ต้องเสียไป

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org