ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ขณะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นอีกส่วนสำคัญของระบบสาธารณสุขมูลฐาน และมีส่วนในการรณรงค์ให้ข้อมูลสุขภาพ รวมทั้งการป้องกันและควบคุมโรคในสถานการณ์โควิด19

ผู้สื่อข่าว Hfocus ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ นางคำพอง โคตรสมบัติ ประธานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ของตำบลวารีสวัสดิ์ อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด และ นางสมทรง เพ็ญสุริยะ หนึ่งใน อสม. ของพื้นที่เกี่ยวกับบทบาทการทำงาน ดังนี้

*เส้นทางการรับหน้าที่ประธานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน

นางคำพอง โคตรสมบัติ ประธานอสม. กล่าวว่า เข้ามาทำงาน อสม. ตั้งแต่ พ.ศ 2534 เนื่องจาก รพ.สต เปิดรับสมัครอาสาสมัครและมีเพื่อนชักชวนเข้ามา จึงได้ทำงานตั้งแต่ตอนนั้นมาจนถึงปัจจุบัน และได้มีโอกาสเป็นประธานอสม. เนื่องจากเพื่อนที่ทำงานด้วยกันเห็นความสามารถและความตั้งใจของเราจึงเสนอให้เราได้รับหน้าที่นี้

สำหรับหน้าที่ประธานนั้น มีหน้าที่รับเรื่องจากหัวหน้ารพ.สต และทำการแจ้งต่อกับสมาชิกอสม. ทุกคน ได้ทราบเรื่องนั้นๆ นอกจากนี้หากมีเรื่องด่วนหรือการนัดประชุม ประจำเดือนทุกๆเดือนจะเป็นหน้าที่ที่เราจะไปประชุมแล้วก็นัดหมายกับสมาชิกอสม. ไปประชุมหรืออบรมที่รพ.สต. อีกครั้ง รวมถึงมีหน้าที่ประสานงานเกี่ยวกับเรื่องไข้เลือดออก ไม่ว่าจะเป็นการพ่นหมอกควันหรือโรคฉี่หนู โรคระบาดต่างๆที่เข้ามา เรามีการประสานกับชุมชนของเรา โดยมีพันธกิจที่ว่า “แจ้งข่าวร้ายกระจายข่าวดี” เพื่อให้ชุมชนของเราได้รับข่าวสารที่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสเข้ามาเป็น ผู้ช่วยแพทย์แผนไทยประจำรพ.สต. อีกด้วย

ด้าน นางสมทรง เพ็ญสุริยะ อาสาสมัครประจำหมู่บ้าน(อสม.) กล่าวว่า ตนเองได้เข้ามาเป็นอาสาสมัครตั้งแต่ พ.ศ. 2529 ตอนนั้นยังไม่มีใครสนใจและอยากทำหน้าที่นี้ และยังไม่มีค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงิน แต่เราได้สิทธิ์รักษาฟรีทุกโรค ส่วนการทำงานนั้น เป็นการอบรม เรียนรู้ เป็นส่วนใหญ่ และได้มีการลงมือปฏิบัติจริง เช่น การทำ CPR เบื้องต้น ซึ่งในยุคสมัยนั้น เทคโนโลยี หรือเครื่องมือสื่อสารยังไม่มี หลักๆเราได้รับรู้ผ่านเครื่องกระจายเสียงกระจายข่าวในชุมชน เป็นต้น อสม.ส่วนใหญ่ทำหน้าที่กันตลอดชีวิต มีจำนวนไม่น้อยที่กลายเป็นพันธกิจผูกพันในครอบครัว มีลูกหลาน ขึ้นมารับช่วงเป็นต่อจากคนรุ่นพ่อ รุ่นแม่ การเป็น อสม. ในช่วงหลังมีทั้งการแนะนำ และการสมัครใจเข้ามาเอง โดยใช้เวลาว่างจากการทำงานหาเลี้ยงชีพมาทำงาน อสม.

*อสม. กับภารกิจโควิด

นางคำพอง กล่าวว่า มีการรณรงค์สื่อสารกับชาวบ้านให้ถูกต้องว่าโควิด 19 มีความเป็นมาอย่างไร ในส่วนของการคัดกรองคนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด อสม. เรามีทั้งหมด 24 คน โดยประธานจะทำการแบ่งอสม 1 คนต่อ 8 หลังคาเรือนเป็นอย่างต่ำ ทำการคัดกรองกลุ่มเสี่ยง แล้วทำการวัดอุณหภูมิทุกวันจนครบ 14 วัน เมื่อครบกำหนดแล้ว จะส่งข้อมูลไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอีกครั้ง เพื่อให้ความมั่นใจกับคนในหมู่บ้าน

*การรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีน

นางคำพอง กล่าวว่า ในส่วนของการฉีดวัคซีน ในตอนแรกนั้น ประชาชนยังไม่ให้การตอบรับมากนัก เนื่องจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนที่ฉีดแล้วเสียชีวิต หรือข่าวต่างๆที่เป็นด้านลบ ทำให้ประชาชนเกิดความกังวลและไม่กล้าที่จะลงทะเบียนฉีดวัคซีน ต่อมา อสม. ได้รับหน้าที่ไปรณรงค์และสื่อสารข่าวสารให้กับชาวบ้านภายในตำบล ให้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนมากขึ้น โดยเราได้ไปเคาะประตูบ้านแต่ละหลังคาเรือน ปรากฏว่าผลการตอบรับเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ประชาชนให้ความสนใจในการลงทะเบียนฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น

*ผลกระทบในการใช้ชีวิตประจำวัน

นางคำพอง กล่าวว่า มีผลกระทบไม่มาก เพราะเรารักในหน้าที่จิตอาสาอยู่แล้ว จึงทำให้เรามีความสุขที่ได้มาทำงานตรงนี้ ไม่ได้คำนึงถึงค่าตอบแทนว่าจะเป็นเงินมากหรือเงินน้อย เราทำงานตรงนี้มา 30 กว่าปี ถือว่าเป็นประสบการณ์ในการทำงานร่วมกันกับชุมชนและได้ทำกิจกรรมในงานต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานอื่นอีกด้วย ทำให้ตัวเรามีประสบการณ์การในการเข้ากับสังคมได้เป็นอย่างดี และมีความสุขที่ได้ทำหน้าที่นี้อย่างมาก

ด้าน นางสมทรง กล่าวว่า ปัจจุบันการทำงานสะดวกสบายมากขึ้น เนื่องจากมีเครื่องมือติดต่อสื่อสารที่ง่ายต่อการเข้าถึงในการเรียนรู้ ตั้งแต่มีโรคระบาด covid เข้ามานั้น ส่งผลให้การทำงานของอสม. เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงพื้นที่ ที่เป็นหน้าที่หลักๆ ที่ต้องรับผิดชอบ ถือได้ว่าเป็นการเสียสละอย่างมาก ทั้งนี้เราได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งเรื่องร่างกาย สภาพจิตใจ ของตนเองให้ดีที่สุด เพื่อจะทำหน้าที่ที่เรารักได้อย่างมีความสุข

สำหรับภาระงานนั้น อาจมีผลต่อการดำเนินงานในชีวิตประจำวันเพียงเล็กน้อย ในเรื่องของเวลา ที่ต้องเสียสละเวลาในการรณรงค์ลงพื้นที่มากขึ้น อบรมเรียนรู้เพิ่มขึ้น เพื่อจะสามารถอธิบายและทำความเข้าใจเพื่อสื่อสารกับประชาชนให้รับรู้อย่างถูกต้อง แต่ก็ถือว่าเป็นความรู้ที่เราต้องเรียนรู้อยู่แล้ว ดังนั้นก็ถือว่าเป็นข้อดีสำหรับตัวเราเองด้วย

ทั้งนี้ อยากฝากให้ชาวบ้านตำบลวารีสวัสดิ์ ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และไม่ประมาท โดยร่วมมือกัน เฝ้าระวังและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ไม่ตื่นตระหนก ล้างมือบ่อยๆ สวมแมสตลอดเวลาเมื่อออกนอกสถานที่ต่างๆ

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org