ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ชมรมนักวิชาการสาธารณสุขขอบคุณผู้บริหาร สธ. ติดตามประเด็นเงินเพิ่มพิเศษบุคลากรสู้โควิด งบปี 63 หลัง 7 เดือนยังไม่ได้รับ! ด้านเลขาธิการชมรมฯ เผยเตรียมทำหนังสือทวงถามสำนักงบประมาณเร็วๆนี้ พร้อมเผยมีสัญญาณดี สธ. ตั้งคณะทำงานพิจารณากำหนดตำแหน่งใหม่วิชาชีพสาธารณสุขชุมชน

ตามที่ชมรมนักวิชาการสาธารณสุข เปิดเผยกรณีมีบุคลากรปฏิบัติงานโควิด-19 ส่วนหนึ่งร้องว่ายังไม่ได้รับ เงินค่าเสี่ยงภัยปี 2563 ตั้งแต่มี.ค. -ก.ย. 2563 ที่ผ่านมาเป็นเวลา 7 เดือน พร้อมทั้งทวงถามขั้นเงินเดือนโควิด 1% ล่าสุด นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เผยไม่ใช่เงินค่าเสี่ยงภัย แต่เป็นเงินค่าตอบแทนเพิ่มพิเศษ และอยู่ระหว่างรอสำนักงบประมาณจัดสรร ส่วนกรณีขั้นเงินเดือนก็อยู่ระหง่างดำเนินการเช่นกัน

(ข่าวเกี่ยวข้อง : “หมอสุระ” เผยค่าตอบแทนพิเศษปฏิบัติงานโควิดปี 63 อยู่ระหว่างรอสำนักงบประมาณจัดสรร)

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. นายริซกี สาร๊ะ เลขาธิการชมรมนักวิชาการสาธารณสุข กล่าวว่า ต้องขอขอบพระคุณผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขที่ติดตามเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่บุคลากรสาธารณสุขติดตามมาตลอด เพราะส่งผลต่อขวัญและกำลังใจในการทำงาน สำหรับเงินเพิ่มพิเศษที่ครม.อนุมัติให้กับบุคลากรที่ทำงานสู้โควิด19 นั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันว่า ไม่ใช่เงินค่าเสี่ยงภัย อยากให้มีการติดตามหลักเกณฑ์จากกระทรวงการคลังให้ชัดเจนว่า เป็นอย่างไร และขอให้มีการทวงถามสำนักงบประมาณอย่างต่อเนื่อง เพื่อมิให้เงินเพิ่มพิเศษ ปี 2563 มีความล่าช้าไปเรื่อยๆ จนส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจบุคลากร ซึ่งในส่วนของทางอนุกรรมการสิทธิประโยชน์ฯ ของสภาการสาธารณสุขชุมชน จะมีการประชุมหารือ และทำหนังสือสอบถามและติดตามเรื่องนี้ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเร็วๆนี้เช่นกัน

นายริซกี กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ทางสภาการสาธารณสุขชุมชนได้มีการติดตามเรื่องการกำหนดตำแหน่งใหม่ของนักสาธารณสุข ซึ่งที่ผ่านมาทางกระทรวงสาธารณสุขมีการตั้งคณะทำงานพิจารณาเรื่องนี้ ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขส่งคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาทบทวนบทบาทภารกิจในสายงานวิชาการสาธารณสุขใหม่ ซึ่งมีนายกสภาการสาธารณสุขชุมชน เป็นคณะทำงาน ตามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ที่ 503/2564 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี และต้องขอขอบพระคุณผู้บริหารกระทรวงที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ การกำหนดตำแหน่งใหม่ เป็นวิชาชีพเฉพาะ ของวิชาชีพสาธารณสุขชุมชนดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามที่สภาการสาธารณสุขชุมชน ได้ดำเนินการจัดทำเรื่อง ขอกำหนดตำแหน่งใหม่นักสาธารณสุข เป็นตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะและเชี่ยวชาญเฉพาะ เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะงาน และกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงาน ตลอดจนสิทธิและความก้าวหน้าของผุ้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พร้อมทั้งได้ยกร่างมาตรฐานกำหนดตำแหน่งใหม่ และได้ยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา

นายอเนก ทิมทับ เลขาธิการสภาการสาธารณสุขชุมชน กล่าวว่า การดำเนินการขอให้มีการกำหนดตำแหน่งเป็นวิชาชีพเฉพาะ ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ. วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. 2556 เพื่อให้นักวิชาการสาธารณสุข เจ้าพนักงานสาธารณสุข หรือบุคลากรสาธารณสุขที่เป็นเจ้าพนักงานสายงานต่างๆ ซึ่งจบปริญญาตรีด้านสาธารณสุขศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุขชุมชนแล้ว มากกว่า 2 หมื่นกว่าคน และปฏิบัติงานอยู่ในหน่วยงานสาธารณสุขทุกระดับของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงที่ปฏิบัติงานในสังกัดท้องถิ่น สถาบันอุดมศึกษา และภาคเอกชน ซึ่งกำลังสอบวิชาชีพและรอขึ้นทะเบียนวิชาชีพอีกหลายหมื่นคน

“การกำหนดตำแหน่งตรงนี้จะส่งผลดีคือ ประชาชนจะมีนักสาธารณสุขที่สามารถดูแลผู้ป่วยและจัดการสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อสุขภาพได้ตามมาตรฐานวิชาชีพ อีกทั้งมีจรรยาบรรณวิชาชีพคอยกำกับ คุณธรรม จริยธรรมในการทำงาน สามารถปฏิบัติงานอย่างเป็นมืออาชีพ จนได้รับการยอมรับมากขึ้น ในฐานะวิชาชีพด้านสุขภาพวิชาชีพหนึ่ง ที่ร่วมเป็นฟันเฟืองหนึ่งในการดูแลสุขภาวะประชาชนชาวไทย นายอเนกกล่าว”

สำหรับหนังสือคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาทบทวนบทบาทภารกิจสายงานวิชาการสาธารณสุข ลงนามโดยนพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้แต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อทำหน้าที่ในการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูล บทบาทภารกิจสายงานวิชาการสาธารณสุขใหม่ โดยคณะทำงานมีองค์ประกอบทั้งหมด 20 ท่าน อาทิ ผู้แทนเลขาธิการ ก.พ. รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขด้านบริหาร อธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ อธิบดีกรมอนามัย ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบจำแนกตำแหน่งและค่าตอบแทน สำนักงานก.พ. นายกสภาการสาธารณสุขชุมชน ผู้ทรงคุณวุฒิ(ด้านการพยาบาล) สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น

(ข่าวเกี่ยวข้อง : บุคลากรสธ.ร้องค่าเสี่ยงภัยปี 63 ราว 7 เดือนยังไม่ได้รับ!)

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org