ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“อนุทิน” เผยญี่ปุ่นเสนอบริจาควัคซีนโควิด “แอสตร้าเซนเนก้า” ให้ไทย เป็นความสัมพันธ์อันดี ส่วนจะมีการทบทวนเรื่องเปิดประเทศ 120 วันหลังผู้ติดเชื้อยังสูงหรือไม่ ต้องดูทุกมิติ

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นได้มีการเสนอบริจาควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (astrazeneca) ผ่านกระทรวงต่างประเทศมาให้กับประเทศไทย แต่ขอไม่เปิดเผยจำนวนวัคซีนที่จะส่ง ทั้งนี้ ไม่ได้รับมาก็ฉีดเป็นเข็ม 1 เลย ส่วนเข็ม 2 ไม่ต้องกังวลเนื่องจากวัคซีนแอสตร้ามีการผลิตในประเทศไทยได้ทุกสัปดาห์ ทั้งนี้ การที่ประเทศญี่ปุ่นบริจาควัคซีนให้ไทยครั้งนี้ถือเป็นเรื่องของสัมพันธไมตรี จำนวนเงินลงทุนที่ประเทศญี่ปุ่นมีในประเทศไทยเป็นจำนวนมหาศาล มีประชากรและการจ้างแรงงานจำนวนมาก ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะญี่ปุ่นก็ให้การสนับสนุนภารกิจต่างๆ ของประเทศไทยมาตลอด ถือเป็นความสัมพันธ์ที่ดีของทั้ง 2 ประเทศ แสดงถึงความเชื่อมั่นในประเทศไทย ทั้งนี้ หลังการระบาดของโควิด -19 ต้องมั่นใจว่าด้วยความสัมพันธ์เช่นนี้การลงทุนการค้าขายความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ จะยิ่งแน่นแฟ้นมากกว่านี้ มองให้เป็นปัจจัยบวกไม่มีอะไรที่เป็นปัจจัยลบ

เมื่อถามถึงวันนี้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อ 3 พันคน ดังนั้นในการเปิดประเทศ 120 วัน จำต้องนำตรวจนี้มาพิจารณาร่วมกันหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ต้องดูทุกมิติควบคู่กัน ตอนนี้การติดเชื้อก็ต้องดูว่าติดรูปแบบไหน เป็นรูปแบบคลัสเตอร์ รูปแบบโรงงานมีแรงงานต่างด้าวหรือไม่ และจังหวัดดูแลดีหรือไม่ ปล่อยให้สัญจรไปมาหรือไม่ ไม่ใช่ว่าติดเชื้อในโรงงานแล้วปล่อยให้แรงงานเดินทางกลับบ้าน เดินทางไปไหนก็ได้เป็นแบบนี้ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นเราจะต้องไปดูว่าการบริหารจัดการในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร ส่วนกระทรวงสาธารณสุขต้องรับนโยบายของนายกรัฐมนตรีและมาเตรียมพร้อมทั้งด้านบุคคลากรการแพทย์ ยาเวชภัณฑ์ และวัคซีน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ โดยในอีก 1-2 วันจะเชิญผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ประชุมหารือแนวทางในการ เตรียมการให้เป็นไปตามนโยบายของนายกฯ ทุกฝ่ายทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดประโยชน์ในภาพรวม

เมื่อถามถึงคนกลัวสายพันธุ์เบต้า(แอฟริกาใต้) โดยเฉพาะตอนนี้กำลังจะเดินหน้าเพื่อเปิดประเทศ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าเขามาตามช่องทางที่ถูกต้องไม่มีหลุด เพราะต้องเข้าระบบกักตัว ซึ่งเชื้อนี้ต้องกักตัวถึง 21 วัน แต่ปัญหาที่ทำให้เกิดความวุ่นวายตรงนี้ คือ คนที่ลักลอบเข้ามาคนที่ไม่ทำตามกฎระเบียบ เชื่อว่าวินาทีนี้ทางศบค.ได้สั่งการไปยังหน่วยงานความมั่นคงต่างๆให้ดูแลตามแนวชายแดนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีบริษัทเอกชนทำหนังสือขอรับวัคซีนผ่านทางกระทรวงมหาดไทย ให้กับพนักงานรวมครอบครัวกว่า 7 หมื่นคนนั้น เรื่องนี้ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย มีหนังสือยกเลิกแล้ว ดังนั้นจึงถือว่าทุกอย่างกลับไปที่เดิมไม่ต้องเป็นห่วง กระทรวงสาธารณสุขจัดวัคซีนส่งไปตามพื้นที่ในรูปแบบจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด/ผู้ว่ากรุงเทพฯ เป็นผู้รับ และพิจารณาร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในการจัดสรรวัคซีนให้กับประชากรในพื้นที่อย่างเป็นธรรมแน่นอน ขณะที่กรณีจังหวัดสมุทรสาครขอรับวัคซีนเพิ่มนั้น ขอย้ำว่า แต่ละพื้นที่ได้รับวัคซีนตามสูตรการกระจายวัคซีนของ ศบค. ทุกประการ จึงเป็นเหตุผลในการที่ท่านนายกฯ จัดสรรวัคซีนตามสูตร เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน

ทั้งนี้ วัคซีนที่รัฐจัดหาเดือนมิ.ย.รวมแล้วเข้ามาถึง 8.5 ล้านโดส จะนำส่งมาทุกสัปดาห์ จากที่คาดว่าจะเข้ามาเพียงราวๆ 6.5 ล้านโดส ส่วนกรณีการพิจารณาให้วัคซีนซิโนแวคเข็ม 3 นั้นขึ้นอยู่กับคณะกรรมการวิชาการ ซึ่งได้มีการพิจารณาและรายงานทุกสัปดาห์อยู่แล้ว มีการศึกษาถึงขั้นว่าจะฉีดยี่ห้อเดียวกันหรือต่างยี่ห้อด้วยซ้ำ ซึ่งเราพร้อมทำตามคำแนะนำของคณะกรรมการฯ