ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สรุปประเด็นผลหารือ นายกฯ และคณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข ทั้งเร่งฉีดวัคซีนโควิด 2 กลุ่มเป้าหมาย “ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง” ก.ค.-ส.ค. -ปิดแคมป์คนงาน 1 เดือน - แก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย-มาตรการรองรับผู้ป่วยหนัก”

ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้ประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุข อาทิ ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษา ศบค. ด้านสาธารณสุข และอดีตรัฐมนตรีว่าการ สธ. นพ.อุดม คชินทร อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราช ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชร​สินธุ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ฯลฯ ประชุมหารือวาระเร่งด่วน ภายใต้ศูนย์ปฎิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 หรือ ศปก.ศบค. โดยภายหลังประชุมได้มีการแถลงข่าวเมื่อเวลา 17.10 น. วันที่ 25 มิ.ย.2564 ที่ผ่านมานั้น

(ข่าวเกี่ยวข้อง : นายกฯ สั่งปิดแคมป์คนงาน กทม.ปริมณฑล 4 จ.ภาคใต้ ไม่เรียก “ล็อกดาวน์” ไม่ห้ามเคลื่อนย้าย)

 

ผู้สื่อข่าว “Hfocus” ได้สอบถามผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับคำแถลงของนายกฯ คณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุข ได้รวบรวมประเด็นผลการประชุมดังกล่าว และสรุปผลโดยสังเขป ดังนี้

1.การจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้เน้นการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม และช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงสิงหาคมนี้ จะเร่งฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่ม คือ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ต้องฉีดให้ครบตามที่ขึ้นทะเบียนไว้ 6 ล้านคน โดยเฉพาะที่ตั้งเป้า 6 ล้านคนที่ได้ลงทะเบียนไว้ภายในกรกฎาคม 2564 และใช้ระบบของแต่ละจังหวัดขึ้นทะเบียนและฉีดให้ผู้สูงอายุ และโรคเรื้อรังส่วนที่เหลือให้ครบ 16 ล้านคน ภายในสิงหาคม 2564 สำหรับกลุ่มอื่นเพื่อการควบคุมโรค มอบศบค. จัดทำรายละเอียด เพื่อแจ้งจังหวัดปฏิบัติต่อไป

2.จากสถานการณ์การระบาดของโควิด มีความเป็นห่วงเรื่องแคมป์คนงานที่เป็นคลัสเตอร์ต่างๆ จึงให้มีการปิดแคมป์คนงานเป็นเวลา 1 เดือน โดยต้องอยู่ในพื้นที่จำกัด และกระทรวงแรงงานจะเข้าไปดูแลทั้งคนไทยและต่างด้าว เพื่อชดเชยต่างๆ อย่างเหมาะสม โดยให้ปิดแคมป์คนงานพื้นที่กทม. ปริมณฑล และ 4 จังหวัดภาคใต้ คือ ปัตตานี ยะลา สงขลา และนราธิวาส

3.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณากิจการใด เสี่ยง ให้หามาตรการดำเนินการ ไม่ใช้คำว่า ล็อกดาวน์ ให้ใช้คำว่า ควบคุมการระบาดเฉพาะพื้นที่ โดยจะมีรายละเอียด และเริ่มวันที่ 28 มิ.ย.2564

ภาพจากเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า

4.มาตรการทางสังคม เพื่อลดการเคลื่อนที่และการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ในพื้นที่กทม. ปริมณฑล และ 4 จังหวัดภาคใต้ โดยใช้มาตรการปิดสถานที่ที่มีโอกาสคนมารวมกลุ่มกัน ได้แก่ ร้านอาหารให้ takeaway ลดเวลาเปิดห้างสรรพสินค้า รวมทั้งห้ามการเคลื่อนที่ของแรงงานต่างด้าว ในโรงงานเปิดดำเนินการได้และทำ Bubble and seal แคมป์ก่อสร้างให้หยุดเป็นเวลา 15 วัน

- ให้แรงงานต่างด้าวรายงานตัวทุกวันเพื่อตรวจสอบอาการ ทางกระทรวงแรงงานจะจ่ายค่าชดเชย 50% ของแรงงานขั้นต่ำ ขั้นตอนวิธีปฏิบัติมอบ ศปก.ศบค. พิจารณารายละเอียดและเสนอ นรม. และศบค. ต่อไป

5. แก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เพื่อให้สามารถควบคุมการระบาดได้ กระทรวงแรงงาน เห็นด้วยกับการทำทะเบียน Health ID card  ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ซึ่งมาตรการนี้ต้องได้รับการตรวจสอบทางกฎหมายด้วย และขอปรับระเบียบการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่รออยู่ประมาณ 200,000 คน ไม่ต้องตรวจสุขภาพก่อนทำ Work permit เริ่มจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคมาก ได้แก่ กทม.และปริมณฑล ก่อน ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้นำเข้า ครม. ต่อไป ทั้งนี้ให้ศบค.จัดทำรายละเอียดร่วมกับ สธ. และกระทรวงแรงงานเพื่อดำเนินการร่วมกัน

6. มาตรการรองรับผู้ป่วยหนัก เห็นชอบการเพิ่มกำลังบุคลากรทางการแพทย์ ใน รพ.บุษราคัม เพื่อขยายเตียงสีเหลืองรองรับ 4,500 คน ทั้งนี้เห็นชอบให้เตรียมความพร้อมสำหรับมาตรการ Home and community isolation นอกจากนี้ มีการสลับบุคลากรทางการแพทย์เข้ามาช่วยเหลือในพื้นที่กทม. และมีการหารือทั้งจากแพทยสภา ราชวิทยาลัยบอกว่ามีนักศึกษาที่จะจบใหม่จำนวนหนึ่ง ซึ่งปีสุดท้ายจะมาช่วยตรงนี้ด้วย โดยเครื่องมือต่างๆ รัฐบาลพร้อมสนับสนุน

7.เตรียมพร้อมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 1 ก.ค.2564 มีการฉีดวัคซีนเพียงพอเกิน 60% เป็นโมเดล หลายประเทศแสดงความจำนงมาเที่ยวประเทศไทย

8.มีการพิจารณาการฉีดวัคซีนเข็ม 3 แต่ตอนนี้ต้องฉีดวัคซีนให้ครบ 2 เข็มก่อน ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการ

** ทั้งหมด มอบศปก.ศบค. จัดทำร่างข้อกำหนด เสนอนายกรัฐมนตรี เห็นชอบ และเข้าศบค.ทราบต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผอ.ศบค. กล่าวทิ้งท้ายว่า

"บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทำงานหนัก อดทนสู้ไปด้วยกันเสมอ ชาวต่างชาติชมระบบสาธารณสุขไทยมาตลอด เราจะทำลายระบบสาธารณสุขไทยไม่ได้ เราต้องให้กำลังใจคนทำงาน ที่สำคัญต้องขอบคุณบุคลากรทุกคน หลายคนทำงานหนัก พวกเขาเสียสละ และขอบคุณครอบครัวเขาด้วยที่คนในครอบครัว สามีมาทำงานเพื่อคนไทยทุกคน ขอกำลังใจให้พวกเขา..."