ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อธิบดีกรมการแพทย์เผยสถานการณ์เตียงคนไข้โควิด กทม.ปริมณฑล ยังไม่ดีขึ้น! ล่าสุดเตรียมออกแนวทางดูแลตนเองที่บ้านของผู้ป่วยระหว่างรอเตียง หรือ Home Isolation เน้นเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลที่มีปัญหาเตียงก่อน ขณะที่ 4 จังหวัดภาคใต้เริ่มมีปัญหาเช่นกัน

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2564 นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สถานการณ์เตียงในกรุงเทพฯและปริมณฑลยังไม่ดีขึ้น มีผู้รอเตียงที่บ้านจำนวนมาก ขณะนี้ผู้ที่แจ้งประสานเตียงเมื่อมีผลการตรวจยืนยันติดโควิด-19 ผ่านสายด่วน 1668 รอเตียงอยู่ราว 400-500 ราย ในวันที่ 28 มิ.ย.นี้อาจจะมีการออกเรื่องแนวทางการดูแลตนเองที่บ้านของผู้ป่วยระหว่างรอเตียง(Home Isolation) เป็นการให้คำแนะนำในการดูแลตนเองระหว่างที่รอการเข้ารับการรักษาในรพ. แต่ไม่ใช่ผู้ป่วยทุกรายต้องใช้แนวทางนี้ จะมีการคัดกรองเบื้องต้นจากเจ้าหน้าที่ก่อนว่ากรณีใดที่สามารถให้ดูแลตนเองที่บ้านก่อนได้ระหว่างประสานเตียง ส่วนรายใดที่จำเป็นต้องรับเข้ารักษาทันทีก็จะประสานหาเตียงโดยเร็ว ซึ่งในรายที่พิจารณาว่าสามารถรอเตียงอยู่ที่บ้านได้นั้น จะมีการแจกอุปกรณ์เครื่องมือในการติดตามอาการเบื้องต้น เช่น ปรอทวัดไข้ กับที่วัดออกซิเจน รวมถึง จะมีเทเลเมดสอบถามอาการทุกวัน และอาจจะมีคนไปเยี่ยมบ้านในบางราย โดยประสานภาคประชาสังคมเข้ามาร่วมติดตามดูแลผู้ป่วยด้วย

“ผู้ป่วยที่เจ้าหน้าที่คัดกรองเบื้องต้นแล้วเห็นว่าสามารถดูแลตนเองที่บ้านระหว่างรอเตียงได้ ไม่มีปัญหาเรื่องของการแยกตัว ก็จะให้อยู่ที่บ้านเพื่อรอเตียงก่อน แต่ถ้าผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงบางอย่าง แต่ยังไม่มีอาการ อาจจะให้ยาฟาวิพิราเวียร์กินที่บ้านด้วย ถ้าสบายดีไม่มีอาการอะไรเลยก็อาจจะให้ฟ้าทะลายโจรกิน ส่วนรายที่มีอาการหนักก็จะรีบประสานเตียงให้เข้าสู่การรักษาโดยเร็ว ทั้งนี้ แนวทางHome Isolation หลักการจะใช้ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลที่มีปัญหาเรื่องเตียงก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ก็เริ่มๆจะมีปัญหาเรื่องเตียงเช่นกัน”นพ.สมศักดิ์กล่าว

นพ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การรักษานั้นเป็นปลายทาง สิ่งสำคัญคือจะต้องลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงให้ได้ ซึ่งจะต้องดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ 1.มาตรการรัฐบาลต้องเข้มพอ 2.ประชาชนผู้ประกอบการและทุกภาคส่วนต้องร่วมมือ ไม่ใช่ปิดแคมป์แล้วแยกกันหนีออกต่างจังหวัด และ 3.มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคต้องเข้มแข็งในทุกระดับ ทุกพื้นที่ ถ้า 3 เรื่องนี้ดำเนินการได้ดี ผู้ติดเชื้อไม่มากขึ้น มีผู้ติดเชื้อเท่านี้จริงๆ มีการปรับเรื่องเตียงไปตามสานการณ์ มีการจัดทำHome Isolation และมีกระบวนการทุกคนมาร่วมกันหมดจริงๆ ก็เชื่อว่าสถานการณ์เตียงก็จะค่อยๆดีขึ้น แต่ถ้าผู้ติดเชื้อมากขึ้น หรือผู้ติดเชื้อเท่านี้จริงหรือไม่ ก็ต้องหาทางเอาตัวเลขที่แท้จริงออกมาให้ได้

“แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่หน้างานทำเต็มที่ ฝากถึงทุกคน มีข้อสงสัยได้แต่อยากให้พูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์ ทุกวันนี้มี Hate Speechจำนวนมาก ถ้าไม่ร่วมมือกันเลย มันจะไปไม่ได้ รัฐบาลเองก็ต้องเปิดช่องให้ทุกคน ทุกฝ่ายมาคุยกัน และร่วมมือเป็นทีม ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ เพราะมันจะไปไม่ได้”นพ.สมศักดิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหนับสถานการณ์เตียงในกรุงเทพฯและปริมณฑล ข้อมูล ณ 25 มิ.ย. 2564 แยกเป็น AIR-ICU ว่าง 38 เตียง อัตราครองเตียง 88.6 % Modified AIR ว่าง 54 เตียง อัตราครองเตียง 92.8% ห้องไอซียูรวม ว่าง 27 เตียง อัตราครองเตียง 91.5 % ห้องแยก ว่าง 458 เตียง อัตราครองเตียง 88.4% ห้องสามัญ ว่าง 1,406 เตียง อัตราครองเตียง 83.5% ฮอสพิเทล ว่าง 3,063 เตียง อัตราครองเตียง 77.3 % และเตียงสนาม ว่าง 778 เตียง อัตราครองเตียง 76.9% รวมว่าง 5,824 เตียง อัตราครองเตียง 81 %