ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ประเทศรัสเซียทำการชันสูตรศพผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 เป็นครั้งแรก? พบการอ้างในข้อความที่โพสต์บน Facebook ในภาษาแอฟริกา และระบุว่าโรคนี้เกิดจากแบคทีเรียที่เกิดจาการฉายรังสี ไม่ใช่เชื้อไวรัส รัสเซียกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ทำการชันสูตรศพจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 "หลังจากการสอบสวนอย่างละเอียดถี่ถ้วน พบว่าไม่มีเชื้อโควิด-19 ที่เป็นไวรัส แต่กลับเป็นแบคทีเรียที่ได้สัมผัสกับรังสีและทำให้คนเสียชีวิตจากการแข็งตัวของเลือด"

โพสต์ดังกล่าวได้อ้างถึงข้อมูลนั้นได้มาจากกระทรวงสาธารณสุขของรัสเซีย แต่ไม่ได้ให้ลิงค์แหล่งที่มาอย่างเป็นทางการใด ๆ ข้อความดังกล่าวยังอ้างว่าโรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ยาแก้อักเสบ และยาแก้ปวดทั่วไปอย่างแอสไพรินและพาราเซตามอล แต่สิ่งนี้ไม่เป็นความจริง โพสต์นี้ข้อมูลที่ให้มีความคล้ายคลึงกับโพสต์เก่าที่เคยมีการเผยแพร่บนโซเชียลมีเดียในเดือนพฤษภาคม ปี 2563 ซึ่งได้ถูกหักล้างด้วยข้อเท็จจริงมาแล้ว

ในเดือนพฤษภาคม 2563 ทาง Africa Check ได้ปฏิเสธว่าเป็นเท็จในข้อความที่อ้างว่า "ในที่สุดก็พบวิธีการรักษาไวรัสโคโรน่าแล้ว" ในประเทศอิตาลี โดยระบุว่า แพทย์ชาวอิตาลีได้ชันสูตรศพผู้ป่วยโควิด-19 รายหนึ่ง ค้นพบว่าโรคนี้ไม่ได้เกิดจากไวรัสแต่เกิดจากแบคทีเรีย และสามารถรักษาด้วยแอสไพริน ถึงแม้ในขณะนั้นจะมีการชันสูตรศพผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมากก็ตาม ทางประเทศรัสเซียเองก็ไม่ได้ทำการชันสูตรเป็นครั้งแรกเมื่อเร็ว ๆ นี้เช่นกัน และการชันสูตรศพไม่ได้บ่งชี้ว่าโควิด-19 เกิดจากแบคทีเรีย นอกจากนี้เรายังตั้งข้อสังเกตอีกว่าบางข้อความที่มีการแชร์และถูกเผยแพร่ในหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เยอรมนี และไอร์แลนด์

อย่างไรก็ตามเกิดคำถามว่า รู้ได้อย่างไรว่าโควิด-19 เกิดจากไวรัส ต้องบอก่อนว่าทั้งไวรัสและแบคทีเรียสามารถทำให้เกิดโรคได้ แม้ว่าจะทำหน้าที่ต่างกันก็ตาม ไวรัสเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ของสารทางพันธุกรรมที่ห่อหุ้มด้วยโปรตีน พวกมันสืบพันธุ์โดยการแอบเข้าไปควบคุมเซลล์ของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่น สัตว์และพืช แม้แต่ในแบคทีเรีย และแบคทีเรียเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่สืบพันธุ์ได้ด้วยตัวเอง

โควิด-19 เกิดจากไวรัสชื่อ Sars-CoV-2 มันเป็นหนึ่งในไวรัสหลายชนิดที่เรียกว่า coronaviruses เนื่องจากมีรูปร่างเหมือนมงกุฎ (“ Corona” เป็นภาษาละตินสำหรับ “มงกุฎ”) Sars-CoV-2 มีการระบุและแม้แต่ถ่ายภาพหลายครั้ง และลำดับพันธุกรรมทั้งหมดของไวรัสได้รับการบันทึกและเผยแพร่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงและผลิตสายพันธุ์ใหม่ตลอดช่วงการระบาดใหญ่

โควิด-19 เกิดจากไวรัสชื่อ Sars-CoV-2 มันเป็นหนึ่งในไวรัสหลายชนิดที่เรียกว่า ไวรัสโคโรน่า เนื่องจากมีรูปร่างเหมือนมงกุฎ (“Corona” เป็นภาษาละตินแปลว่า “มงกุฎ”) Sars-CoV-2 มีข้อมูลบันทึกรวมถึงถ่ายภาพไว้หลายครั้ง และลำดับพันธุกรรมทั้งหมดของไวรัสได้รับการบันทึกและเผยแพร่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงและกำเนิดสายพันธุ์ใหม่ตลอดช่วงการระบาดใหญ่ก็ตาม ที่สำคัญเนื่องจากแบคทีเรียเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถฆ่าได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ในทางกลับกัน ไวรัสไม่สามารถรักษาด้วยยาปฏิชีวนะได้ ซึ่งการป้องกันโรคไวรัสตามปกติคือการฉีดวัคซีน จะสามารถช่วยลดโอกาสในบุคคลติดโรคโดยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้รู้จักและทำลายไวรัสบางชนิดไปเอง ดังนั้นยาปฏิชีวนะและยาแก้ปวดอย่างแอสไพรินจึงไม่สามารถรักษาโควิด-19 ได้

แต่ถ้ามีคนติดเชื้อไวรัส อาการของโรคนั้นสามารถจัดการได้ เพื่อป้องกันการเสียชีวิตหรือเจ็บป่วยรุนแรงจากอาการของโรคนั้น ยาอย่างแอสไพรินช่วยบรรเทาอาการโควิด-19 ได้หรือไม่ หากอธิบายตามรายงานของ British National Health Service (NHS) แนะนำให้ใช้ยาแอสไพรินในปริมาณต่ำทุกวันได้ในบางครั้ง เพื่อทำให้ป้องกัน การเกิดลิ่มเลือด อาการหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง
นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตอีกว่ายาทำให้ลดการเกิดลิ่มเลือ ซึ่งได้รับการพิจารณาว่าเป็นวิธีการรักษาโควิด-19 ที่มีความเป็นไปได้เนื่องจากมีความเชื่อมโยงระหว่างโควิด-19 กับลิ่มเลือดที่ร่างกายไม่ต้องการ แต่ยังไม่มีการทดลองทางคลินิกในวงกว้าง ว่านี่ควรเป็นวิธีมาตรฐานในการรักษาโรค

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ศึกษาเกี่ยวกับยาทำให้ลดการลิ่มเลือ มีการวิเคราะห์อภิมานโดยคณะกรรมการแนวทางโลหิตวิทยาของสมาคม American Society of Hematology ไม่แนะนำให้ใช้ยาที่ทำให้ลดการเกิดลิ่มเลือดในผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีลิ่มเลือดบางรูปแบบหรือเคยใช้ยาที่ทำให้ลิ่มเลือดลดลงสำหรับยารักษาโรคที่มีอยู่แล้ว สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่คำแนะนำที่คล้ายคลึงกัน โดยแนะนำให้ผู้ที่ทานยาลดไขมันในเลือดอยู่แล้วให้ทานต่อไป แม้ว่าจะได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19 แต่ NIH ไม่แนะนำให้ใช้แอสไพรินหรือยาที่คล้ายคลึงกันเพื่อเป็นมาตรการป้องกัน NHS เตือนว่า “การรับประทานแอสไพรินในปริมาณที่ต่ำไม่ได้ปลอดภัยสำหรับทุกคน ใช้ยาแอสไพรินได้ก็ต่อแพทย์ของคุณแนะนำเท่านั้น” เพราะแอสไพรินอาจมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง

หากคุณเชื่อว่าคุณมีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หรือควรรับประทานยาชนิดนี้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ให้ปรึกษาแพทย์ของคุณ แม้ว่าคุณจะได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19 ยาแอสไพรินและยาลดการเกิดลิ่มเลือดไม่แนะนำให้ใช้รักษาโรคโควิด-19นี้ วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 คือการฉีดวัคซีนป้องกันโรค สวมใส่หน้ากาก หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น และล้างมืออย่างสม่ำเสมอ

 

 

แหล่งที่มา Africa Check

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org