ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.เผยฉีดวัคซีนโควิดบุคลากรสาธารณสุข 100% ของเป้าหมาย เหลือกลุ่มเสี่ยง "ผู้สูงอายุ-7โรคเรื้อรัง" ยังต้องเร่งฉีดต่อเนื่อง เพื่อลดเสียชีวิต เผยข้อมูลมีผู้ป่วย 7 กลุ่มเสี่ยงที่เป็นเป้าหมายจำนวน 5,350,000 ราย ตอนนี้ฉีดวัคซีน เข็ม 1 แล้วจำนวน 1,252,063 ราย คิดเป็น 23.4% ฉีดครบ 2 เข็ม 232,385 ราย คิดเป็น 4.3% ส่วนผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป กลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 12,500,000 ราย ฉีดเข็มที่ 1 แล้ว 2,414,399 ราย คิดเป็น 19.3% ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว 156,999 คิดเป็น 1.3%

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ผ่านไฟล์สดทางเพจเฟซบุ๊กกระทรวงสาธารณสุข ว่า นับตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด 19 ปี 63 จนถึงปัจจุบันจะเห็นได้ชัดเจนว่าจำนวนการติดเชื้อรายวันทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นมาโดยตลอด และดูเหมือนกำลังจะสามารถควบคุมได้ แต่ก็กลับเพิ่มขึ้นมาใหม่ และขณะนี้ก็มีการติดเชื้อใหม่จำนวนมากวันละ 5 แสนราย แม้แต่ประเทศที่มีการฉีดวัคซีนไปครอบคลุมประชากรกว่า 50-60% แล้ว อย่างไรก็ตามแนวโน้มผู้เสียชีวิตขณะนี้ก็ยังอยู่ในระดับคงที่ประมาณ 8 พันถึง 1 หมื่นราย ปัจจุบันกลายเป็นโรคประจำถิ่นของทั่วโลก

“ที่น่าสนใจคือประเทศต่างๆที่เคยควบคุมโรคได้สำเร็จก็เกิดการระบาดโรคใหม่ จำนวนการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างสหรัฐอเมริกาฉีดวัคซีนได้ 50% ของประชากร การติดเชื้อรายใหม่ก็ทยอยสูงขึ้นในหลายๆ รัฐ โดยเฉพาะรัฐที่มีการฉีดวัคซีนไม่ครอบคลุม รัฐที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมแล้วก็เกิดการติดเชื้อในประชากรบางกลุ่มที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ส่วนประเทศอังกฤษ เมื่อประมาณ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขการติดเชื้อน้อยกว่าพันรายต่อวัน ล่าสุดกลับมาติดเชื้อนับ 4 หมื่นราย แต่ที่น่าสนใจคือถึงจะติดเชื้อมากแต่อัตราการเสียชีวิตไม่ได้สูง ดังนั้นสะท้อนว่าการติดโควิดไม่ได้เสียชีวิตทุกรายการเสียชีวิตขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างซึ่งเราจะต้องหาวิธีการต่อสู้กับโควิดต่อไป” นพ.ทวีทรัพย์ กล่าว 

นพ.ทวีทรัพย์ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ในประเทศไทยสัปดาห์นี้ จะพบว่ามีรายงานผู้ติดเชื้อรายวันเป็นหลักหมื่นรายตลอดทั้งสัปดาห์ ล่าสุดวันนี้ติดเชื้อ 14,575 ราย เสียชีวิตรายใหม่ 114 ราย เป็นการระบาดในวงกว้าง แต่ถ้าดูแนวโน้มการติดเชื้อระดับประเทศจะเห็นได้ว่ารายงานติดเชื้อรายใหม่อยู่ในลักษณะขาขึ้นสูงมากเพิ่มเป็น 2-3 เท่าในทุกสัปดาห์แต่หากแยกเป็นรายพื้นที่ พบว่า การติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นตอนนี้พบมากที่ต่างจังหวัด ส่วนกรุงเทพฯ ยังติดเชื้อสูงแต่เริ่มชะลอตัว เป็นผลจากมาตรการที่เราพยายามช่วยกันก็จะช่วยชะลอการติดเชื้อต่างๆ ลงมาได้มากขึ้น สำหรับการเสียชีวิต 114 ราย ครึ่งหนึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯ อีกส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจังหวัดรอบๆ ปริมณฑลซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ทั้งนี้ แนวโน้มจำนวนการเสียชีวิตในประเทศไทยในช่วง 1 เดือนย้อนหลัง มีการเสียชีวิตต่ำกว่า 50 รายต่อวัน แต่ขณะนี้ตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 100 รายต่อวัน เนื่องจากมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้น เมื่อสัดส่วนผู้ติดเชื้อมากขึ้น จะมีบางส่วนมีอาการมาก อาการรุนแรง ก็จะทำให้จำนวนการเสียชีวิตในขณะนี้เป็นแนวโน้มขาขึ้นในแต่ละสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาข้อมูลจากกรุงเทพฯ การติดเชื้อเริ่มชะลอตัว แนวโน้มผู้เสียชีวิตก็เชื่อว่าสัปดาห์ถัดมาไม่น่าจะสูงไปกว่า 100 ราย

นพ.ทวีทรัพย์ กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์การฉีดวัคซีนของต่างประเทศจากจำนวนวัคซีนที่เราสามารถจัดหามาได้สามารถฉีดได้ประมาณวันละ 300,000 โดส ต่อวัน มีทั้งแอสตร้าฯ และซิโนแวค ปัจจุบันฉีดวัคซีนสะสม 15,388,939 โดส เมื่อจำแนกตามกลุ่มเป้าหมายว่าขณะนี้ เรามีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ1 .ลดป่วยรุนแรง ลดการติดเชื้อ 2. ปกป้องระบบสุขภาพ 3. กลับเข้าสู่การใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งที่ผ่านมายุทธศาสตร์การฉีดวัคซีนจะให้บุคลากรสาธารณสุขสามารถดำเนินการควบคุมโรค ได้ รักษาพยาบาลได้ วันนี้ฉีดครอบคลุม 100 % ของเป้าหมาย เป้าหมายที่ 2 ที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อลดเสียชีวิต ในกลุ่มเสี่ยงอายุ 60 ปี ขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค ซึ่งจากข้อมูลมีผู้ป่วย 7 กลุ่มเสี่ยงที่เป็นเป้าหมายจำนวน 5,350,000 ราย ตอนนี้ฉีดวัคซีน เข็ม 1 แล้วจำนวน 1,252,063 ราย คิดเป็น 23.4% ฉีดครบ 2 เข็ม 232,385 ราย คิดเป็น 4.3% ส่วนผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป กลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 12,500,000 ราย ฉีดเข็มที่ 1 แล้ว 2,414,399 ราย คิดเป็น 19.3% ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว 156,999 คิดเป็น 1.3%

“ในสถานะที่เรามีวัคซีนจำกัด การจะฉีดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็ต้องปกป้องคนที่หากติดเชื้อและมีโอกาสที่อาการจะรุนแรงและเสียชีวิต คือผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค ก็อยากจะสื่อสารให้พี่น้องประชาชนว่าในขณะนี้กระบวนการต่างๆ ในแง่การจัดลำดับความสำคัญของผู้ที่จะได้รับวัคซีน แน่นอนว่า พี่น้องประชาชนที่สมัครใจจะฉีดวัคซีนนั้นจะได้รับการฉีดทั้งหมด แต่กลุ่มที่อยากให้กลุ่มเป้าหมายเพื่อลดการเสียชีวิตได้ฉีดก่อน คือผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ซึ่งคนกลุ่มนี้หากติดเชื้อจากสถิติบ้านเรา ติด 10 คน เสียชีวิต 1 คน แต่หากเป็นคนทั่วไป ที่ไม่มีโรคประจำตัว อายุ 20-59 ปี ติดเชื้อ 1 พันคนมีโอการเสียชีวิต 1 คน จะเห็นว่าโอกาสมากกว่ากัน 100 เท่า จึงขอความร่วมมือให้นำพาผู้สูงอายุ และผู้ป่วยมาฉีดวัคซีน เพื่อเป้าหมายที่ช่วยคุมโควิดระยะถัดไป เราคงสามารถจัดการได้อย่างราบรื่น โควิดไม่ได้น่ากลัวจนเราไม่สามารถควบคุมได้ แต่ยังมีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และดำเนินการต่อ” นพ.ทวีทรัพย์ กล่าว