ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุขเผยข้อเท็จจริง! กระจายวัคซีนไฟเซอร์ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้ามีไม่น้อยกว่า 500,000 โดส ในวัคซีนล็อตแรกที่เข้ามา 1.54 ล้านโดส พร้อมฉีดต้นเดือน ส.ค. นี้ ส่วนอีก 20 ล้านโดสจะเริ่มฉีดในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.2564 ในประชาชนกลุ่มเสี่ยง พื้นที่ระบาด ย้ำ! ใครเผยแพร่ข่าวปลอม ทำเกิดความสับสน ปั่นป่วน สธ.พร้อมดำเนินคดี

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 ก.ค.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง(รก.11) นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงประเด็นวัคซีนไฟเซอร์ ว่า สำหรับการบริหารจัดการวัคซีนไฟเซอร์นั้น ต้องเรียนว่า มีข่าวปลอมออกมาจำนวนมาก โดยเฉพาะระบุว่าบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้าจะได้วัคซีนไฟเซอร์เพียง 200,000 โดส ซึ่งความจริงแล้วบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้าจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์จำนวนไม่น้อยกว่า 500,000 โดส

นพ.รุ่งเรือง กล่าวอีกว่า โดยการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขจะมีทุกภาคส่วนเข้ามาทำงานในการบรหารจัดการ โดยวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสที่ได้รับการบริจาคและจะเข้ามาประเทศไทยภายในเดือน ก.ค.2564 นี้ และจะเริ่มฉีดได้ต้นเดือน ส.ค. 2564 โดยขอย้ำว่า บุคลากรด้านการแพทย์และบุคลากรด่านหน้าจะได้รับการฉีดไม่น้อยกว่า 5 แสนโดส และจะมีการจัดสรรไปยังกลุ่มเสี่ยง และพื้นที่เสี่ยงเพื่อควบคุมการระบาด

“สำหรับการฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้านั้น จะเป็นการกระตุ้นเข็ม 3 จำนวนไม่น้อยกว่า 5 แสนโดส โดยขณะนี้บุคลากรส่วนหนึ่งที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มก่อนหน้านี้ และล่าสุดได้รับการฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ เป็นตัวกระตุ้นไปบ้างแล้ว โดยข้อมูลระดับภูมิคุ้มกันในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ส่วนหนึ่งที่ได้รับการกระตุ้นเข็ม 3 ไปแล้วนั้น กล่าวคือ กลุ่มที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค กับซิโนแวค และกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยแอสตร้าฯ พบว่ามีระดับภูมิคุ้มกันสูงขึ้น สูงมากกว่าทุกตัวที่เห็นอยู่ ส่วนการฉีดซิโนแวคสลับมาเป็นแอสตร้า และกรณีการฉีดแอสตร้าฯกับแอสตร้าฯ หรือกรณีการรับไฟเซอร์กับไฟเซอร์ ระดับภูมิคุ้มกันใกล้เคียงกัน”

นพ.รุ่งเรือง กล่าวว่า กรณีมีข่าวว่าบังคับให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้ารับวัคซีนกระตุ้นเป็นแอสตร้าฯ ซึ่งไม่เป็นความจริง ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความสมัครใจของบุคลากร และขณะนี้เราเตรียมความพร้อมฉีดเพิ่มเติมอีก เห็นได้จากการเดินหน้าวัคซีนไฟเซอร์ที่จะเข้ามา 1.54 ล้านโดส จะเริ่มฉีดต้นเดือน ส.ค.2564 และวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดสก็จะเริ่มฉีดในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.2564 และขอย้ำว่า กรณีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 21.54 ล้านโดส ไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย เป็นการฉีดฟรี และการฉีดก็เน้นให้กลุ่มเสี่ยง พื้นที่เสี่ยง

“การแอบอ้างใดๆก็ตาม การให้ข่าวปลอม ทำให้เกิดความสับสน เกิดความปั่นป่วนในสถานการณ์ที่กำลังวิกฤต ทางกระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” นพ.รุ่งเรือง กล่าว และย้ำว่า การมีการกระจายข้อมูลว่า วัคซีนไฟเซอร์หายไป จะฉีดเพียง 2 แสนโดสไม่เป็นความจริง อย่างไรก็ตาม ส่วนวัคซีนไฟเซอร์จะให้ประชาชนฉีดได้เมื่อไหร่นั้น เมื่อมาถึงในส่วน 20 ล้านโดสจะเร่งฉีดให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง และกลุ่มเสี่ยง ซึ่งมีคณะทำงานเรื่องนี้อยู่ โดยต้องเรียนให้เข้าใจว่า การฉีดวัคซีนไฟเซอร์จะเรียงตามลำดับ เน้นกลุ่มเสี่ยง พื้นที่เสี่ยงก่อน ไม่มีการฉีดให้กลุ่มพิเศษ หรือกลุ่มวีไอพีก่อนอย่างแน่นอน ซึ่งหากพบก็ขอให้แจ้งเรื่องมาทางกระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป