ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมวิทย์รายงานผลการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 ระหว่างวันที่ 17-23 ก.ค.64 พบเดลตา 69.1% สายพันธุ์อัลฟา 28.2% ส่วนเบตาพบ 2.7% พบมากในภาคใต้ ขณะที่กทม.เดลตา หรือสายพันธุ์อินเดียสูงถึง 82.7%

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2564 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยผลการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 ในประเทศไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการว่า แนวโน้มในภาพรวมของประเทศจากข้อมูลการเฝ้าระวังระหว่างวันที่ 17 กรกฎาคม ถึง 23 กรกฎาคม 2564 จากการสุ่มตรวจผู้ติดเชื้อทั้งหมด 3,206 ราย เป็นสายพันธุ์เดลตา(อินเดีย)จำนวน 2,215 ราย(69.1%) ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว ส่วนสายพันธุ์อัลฟา(อังกฤษ)พบจำนวน 905 ราย(28.2%)และสายพันธุ์เบตา(แอฟริกาใต้)จำนวน 86 ราย(2.7%)

โดยพบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากทั้งหมดจำนวน 1,273 ราย เป็นสายพันธุ์เดลตา จำนวน 1,053 ราย (82.7%) สายพันธุ์อัลฟาจำนวน 220 ราย (17.3%) ส่วนสายพันธุ์เบตาไม่พบผู้ติดเชื้อ ส่วนภูมิภาคพบผู้ติดเชื้อจากทั้งหมดจำนวน 1,933 ราย เป็นสายพันธุ์เดลตา 1,162 ราย (60.2%) สายพันธุ์อัลฟา 685 ราย (35.4%) และสายพันธุ์เบตา 86 ราย (4.4%) โดยสายพันธุ์เดลตามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และขณะนี้พบแล้ว 72 จังหวัด

ส่วนสายพันธุ์อัลฟาและสายพันธุ์เบตามีแนวโน้มสัดส่วนลดลง โดยสายพันธุ์เบตาส่วนใหญ่ยังพบในพื้นที่ภาคใต้มากที่สุดที่จังหวัดนราธิวาส และมีจำนวนประปรายในจังหวัดปัตตานี สตูล ตรัง กระบี่ สุราษฏร์ธานี และมีพบที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดบึงกาฬ

สำหรับสายพันธุ์เบตาที่พบที่จังหวัดบึงกาฬที่ผ่านมาพบ 4 ราย สัปดาห์นี้พบ 1 รายเป็นญาติกับผู้ป่วยที่ยืนยันก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้หน่วยงานในพื้นที่ได้ดำเนินการติดตามเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นข้อมูลการเฝ้าระวังทั้งประเทศระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2564 ถึง 23 กรกฎาคม 2564 สายพันธุ์อัลฟาจำนวน 13,311 ราย (61.18%) สายพันธุ์เดลตา จำนวน 7,977 ราย (36.67%) และสายพันธุ์เบตา จำนวน 468 ราย (2.15%) ส่วนการติดเชื้อร่วม 2 สายพันธุ์ (Mix infection) ขณะนี้ยังไม่พบรายใหม่เพิ่มแต่อย่างใด