ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

องค์การเภสัชกรรม ได้ทำการปรับแผนการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์(ยาฟาเวียร์) ให้เพิ่มขึ้น ได้จัดประชุมวางแผนการผลิตยาของประเทศในสถานการณ์ระบาดโควิด-19 โดยมีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(กองยา) องค์การเภสัชกรรม โรงงานเภสัชกรรมทหาร สภากาชาดไทย และสมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบัน (TPMA)

น.พ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า  จากการที่องค์การฯได้ทำการปรับแผนการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์(ยาฟาเวียร์) ให้เพิ่มขึ้น ประกอบกับในช่วงนี้พบว่าความต้องการใช้ยารักษากลุ่มโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติที่ได้วางแผนไว้ ทำให้มีผลกระทบต่อสายการกำลังการผลิตยารักษาโรคเรื้อรัง ที่องค์การฯผลิตอยู่ และเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา จึงได้จัดประชุมวางแผนการผลิตยาของประเทศในสถานการณ์ระบาดโควิด-19 โดยมีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(กองยา) องค์การเภสัชกรรม โรงงานเภสัชกรรมทหาร สภากาชาดไทย และสมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบัน (TPMA)  ร่วมประชุมด้วย เพื่อวางแผนและจัดสรรกำลังการผลิตยาในภาพรวมให้เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของประเทศ

โดยในส่วนขององค์การฯเห็นว่าเพื่อให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังมียาใช้เพียงพอ อย่างต่อเนื่อง จึงได้ขอความร่วมมือจากสมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนซึ่งดูแลบริษัทผู้ผลิตยาเอกชนในประเทศ ร่วมดำเนินการผลิตยารักษาโรคเรื้อรังจำนวน 7 รายการ  ประกอบด้วย  1. ยาซิมวาสแตติน (Simvastatin) ใช้ลดระดับคลอเรสเตอรอลชนิดไม่ดีและไตรกลีเซอไรด์ในหลอดเลือด 2. ยาเมทฟอร์มิน (Metformin) ยาใช้รักษาโรคเบาหวาน 3. ยาลอซาร์แทน (Losartan) ใช้ลดความดันโลหิตที่ออกฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดขยายตัว  4. ยาโพรพาโนลอล (Propanolol)ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง  5. วิตามินB1 6 12    6. ยากรดโฟลิก (Folic acid) รักษาภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดง และภาวะขาดกรดโฟลิก  7. ยาฟลูออกซิทีน รักษาโรคซึมเศร้า (Fluoxetine)  และยาลอราตาดีน (Loratadine) รักษาภูมิแพ้ ซึ่งปัจจุบันองค์การฯไม่ได้ผลิตแล้ว   

ทั้งนี้ยา7 รายการในข้างต้นองค์การฯยังคงมีการผลิตและสำรองให้ผู้ป่วยในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ และองค์การฯได้ขอความร่วมมือให้ บริษัทผู้ผลิตยาเอกชนอื่น ๆซึ่งมีทะเบียนตำรับยาดังกล่าวอยู่ ดำเนินการผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งจากการประชุม สมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบันยินดีที่จะนำไปวางแผนร่วมกับบริษัทผลิตยาเอกชนอื่น ๆ เพื่อเร่งทำการผลิตต่อไป

นอกจากนั้นยังพบว่าขณะนี้มีบริษัทผู้ผลิตยาในประเทศบางบริษัทได้เริ่มทำการวิจัยพัฒนายาฟาวิพิราเวียร์ ขึ้นมาบ้างแล้ว  ซึ่งสิ่งที่เป็นน่ายินดีที่จะทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงในส่วนยาฟาวิพิราเวียร์เพิ่มมากขึ้น

“แผนการผลิตยาฟาวิพิราเวียร (ยาฟาเวียร์) ขององค์การเภสัชกรรม ในเดือนสิงหาคม จำนวน2.5 ล้านเม็ด กันยายนผลิตเพิ่มเป็น 23 ล้านเม็ด และตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป จะผลิตเพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 40 ล้านต่อเดือน ซึ่งจะมีการบริหารจัดการและการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ ทั้งจากการนำเข้าจากต่างประเทศและผลิตเอง ให้เพียงพอสอดคล้องกับสถานการณ์ของการระบาดของโรคโควิด 19 ของประเทศ”

ดร.ภญ.มุกดาวรรณ ประกอบไวทยกิจ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวต่อไปว่า อภ. ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 และได้มีการวางแผนการผลิตยาในส่วนของยาอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง และอภ.ยังคงยืนหยัดที่จะทำหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท ดำเนินการในทุกภารกิจทั้งด้านยา วัคซีน และเวชภัณฑ์ ให้กับพี่น้องประชาชน และขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันแสดงศักยภาพโดยมุ่งหวังให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org