ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรค แนะชาวไทยเชื้อสายจีนที่จะประกอบพิธีไหว้บรรพบุรุษและไหว้เจ้าในวันสารทจีนที่จะถึงนี้  ยึดหลักปฏิบัติความปลอดภัย 9 ประการ ไหว้เจ้าสุขใจ ปลอดภัยโควิด 19 อาทิ เลือกซื้อของไหว้สด สะอาด และปรุงสุกด้วยความร้อน งดการร่วมวงทานอาหารร่วมกัน ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่าง  ลดการพูดคุยสัมผัสใกล้ชิดกัน  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางคือผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์และเด็ก ระมัดระวังอันตรายจากการจุดประทัด เผากระดาษเงิน กระดาษทอง และควันธูป อาจทำให้เกิดอันตราย ระคายเคืองตาและระบบทางเดินหายใจได้ 

วันที่ 18 สิงหาคม 2563 นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสารทจีนทุกปี ประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนจะจัดพิธีไหว้บรรพบุรุษและไหว้เจ้า อาจมีการจุดประทัดเพื่อเป็นการขับไล่สิ่งชั่วร้ายและทำให้กิจการเจริญรุ่งเรืองตามความเชื่อสืบต่อกันมา  ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 22 สิงหาคม 2564 และอยู่ในช่วงสถานการณ์การระบาดโรคโควิด 19 ทั่วประเทศ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทุกจังหวัด รวมวันละกว่า 2 หมื่นราย เสียชีวิตวันละกว่าร้อยราย กรมควบคุมโรค จึงแนะนำ หลักปฏิบัติในช่วงเทศกาลสารทจีน 9 ประการ เพื่อไหว้เจ้าอย่างสุขใจ และปลอดภัยจากโรคโควิด 19 ดังนี้

  1. หากผู้สูงอายุต้องไปซื้อของที่ตลาดควรให้ลูกหลานไปแทน โดยเลือกซื้อของไหว้ที่ “สด สะอาด” คือ เลือกบริโภคเนื้อไก่หรือเป็ด และไข่ที่ปรุงสุก สะอาดหากไปตลาดค้าสัตว์ปีก ผู้บริโภคควรเลือกซื้อสัตว์ปีกจากร้านที่สะอาด ปลอดภัย และมีทะเบียนการค้าสัตว์ปีกที่ออกโดยกรมปศุสัตว์ 
  2. หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์เจล 70 % ทุกครั้ง ก่อนปรุงประกอบและรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ สัมผัสสิ่งสกปรก หรือหยิบจับสัมผัสสิ่งของต่างๆ โดยเฉพาะหลังจากสัมผัสสัตว์และสารคัดหลั่งของสัตว์ และก้านธูป
  3. สวมหน้ากากอนามัย 100 %ตลอดเวลา แยกของใช้ส่วนตัว แยกการรับประทาน งดการร่วมวงทานอาหารร่วมกัน   แยกแก้วน้ำ รวมทั้งแยกสิ่งของใช้แล้วใส่ถุงขยะ เพื่อป้องกันการนำเชื้อไปสู่คนในครอบครัว
  4. ควรเว้นการกอดหรือหอมผู้สูงอายุในบ้านโดยตรง ลดการพูดคุยกัน เว้นระยะห่างระหว่างกัน โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์และเด็ก
  5. หากมีการจุดประทัดตามความเชื่อ  ต้องไม่จุดใกล้วัตถุไวไฟ หรืออาคารบ้านเรือน ควรเตรียมภาชนะบรรจุน้ำไว้ใกล้บริเวณที่จุดเพื่อใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน  ห้ามให้เด็กจุดประทัดเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอันตรายบาดเจ็บรุนแรงจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์  และหากเกิดอุบัติเหตุให้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยให้รีบห้ามเลือดและใช้ผ้าสะอาดปิดบาดแผลหรือพันผ้าเหนือบาดแผลให้แน่นเพื่อลดการเสียเลือด  และรีบโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร. 1669 ทันที 
  6. การไหว้บรรพบุรุษและไหว้เจ้า ให้ทยอยสลับเปลี่ยนหมุนเวียนไหว้  ไม่ไหว้พร้อมกันในครั้งเดียวเพื่อลดความแออัด และใกล้ชิด
  7. ระมัดระวังการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง การจุดธูปเทียน  ควรเผากระดาษฯในที่โล่งแจ้ง เผาทีละน้อยๆ และอยู่เหนือลม ป้องกันการสูดไอระเหยของสารพิษ เป็นอันตรายต่อสุขภาพต่อผู้จุดหรือผู้เผารวมถึงผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง  ควันจากการเผาไหม้อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองตาและระบบทางเดินหายใจ   ส่วนธูปแนะนำให้ใช้ชนิดสั้น เพื่อลดควัน และระยะเวลาเผาไหม้  ควรจุดในที่อากาศถ่ายเท  หลีกเลี่ยงปักธูปลงบนอาหารที่ไหว้   เนื่องจากสารเคมีที่เคลือบก้านธูป จะปนเปื้อนในอาหาร อาจเป็นอันตรายเมื่อรับประทานอาหารเข้าไป  
  8. ห้องที่ทำพิธีไหว้ ให้เปิดพัดลมเพื่อช่วยระบายอากาศหรือควันธูปเทียน  และให้หลีกเลี่ยงการพักผ่อนนอนหลับในห้องและบริเวณที่จัดพิธี   และเมื่อธูปเทียนดับแล้วควรทิ้งเวลาสักระยะหนึ่งก่อนเข้าไปใช้ห้องหรือบริเวณดังกล่าว
  9. การรับประทานอาหารหลังจากพิธีไหว้แล้ว ขอให้ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” คือ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ปรุงสุกด้วยความร้อน และอุปกรณ์บรรจุทุกชิ้นต้องสะอาด ที่สำคัญต้องแยกรับประทาน ไม่รับประทานร่วมกัน และล้างมือก่อนรับประทานอาหาร

“สารทจีน เป็นเทศกาลสำคัญของคนไทยเชื้อสายจีน เป็นวันที่ญาติพี่น้องจะมารวมตัวกันเพื่อกราบไหว้บรรพบุรุษ แต่จากสถานการณ์โรคโควิด 19 ในปัจจุบัน จำเป็นต้องปรับการดำเนินชีวิต เพิ่มความระมัดระวังไม่นำเชื้อโควิด 19 ไปให้คนในครอบครัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุ  ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาพบว่าเป็นกลุ่มเปราะบาง  หากติดเชื้อโควิด 19 จะมีอาการรุนแรง และเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุทียังไม่ได้รับวัคซีน เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันโรคต่ำ และส่วนใหญ่จะมีโรคประจำตัวอยู่ด้วย ข้อมูลตั้งแต่ 1 พฤษภาคม - 14 สิงหาคม 2564 พบการเสียชีวิตในกลุ่มของอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึงร้อยละ 68 จึงขอให้ลูกหลานช่วยกันรักษามาตรการส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากากอนามัย  การล้างมือ การรักษาระยะห่าง เพื่อความปลอดภัยของสมาชิกในบ้านทุกคน” นายแพทย์อภิชาต กล่าว