ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับภาคีเครือข่าย 5 หน่วยงาน ลงนามบันทึกความร่วมมือการเชื่อมฐานข้อมูลโควิด 19 ในเขต กทม. และปริมณฑล ลดรายชื่อซ้ำซ้อน ตกหล่น เพื่อให้เข้าถึงการรักษาทันท่วงทีแบบไร้รอยต่อ

วันที่ 7 กันยายน 2564 ที่กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานและสักขีพยาน การบันทึกความเข้าใจความร่วมมือการเชื่อมต่อฐานข้อมูลผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อยกระดับการเข้าถึงการรักษาของผู้ป่วย และฟื้นฟูสมรรถภาพการแพทย์ ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์

โดยนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยนายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, กรุงเทพมหานคร โดยแพทย์หญิงป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร, สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) โดยนายสุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล, สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โดยเรืออากาศเอก นายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ, และภาคประชาสังคม โดยนายพณชิต กิตติปัญญางาม ตัวแทนภาคประชาสังคม

ดร.สาธิตกล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้ง 6 หน่วยงานจะทำการเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 ในเขต กทม. และปริมณฑล อาทิ ข้อมูลผู้ป่วย, ข้อมูลการจัดรถ/อัพเดตสถานะรับ – ส่งผู้ป่วยมีอาการฉุกเฉิน, ติดตามอาการ/ปรึกษาแพทย์ด้วยระบบ Telemedicine ผ่าน API (Application Programming Interface) เดียวกันทั้งหมด สามารถรับส่งข้อมูลข้าม Server ได้ เพื่อให้ทํางานง่ายยิ่งขึ้น โดยระบบดังกล่าวจะนำไปใช้กับโรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิกที่รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยที่เข้าระบบแยกกัก Home Isolation และCommunity Isolation หรือตามมาตรการการแยกกักตัว ประเภทอื่น ๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีการใช้ระบบ CRM (Customer Relationship Management) ในการเข้าถึงข้อมูลสำหรับบริหารจัดการลดความซ้ำซ้อนข้อมูล

“ผลดีของการเชื่อมโยงจะทำให้ข้อมูลผู้ป่วยโควิดที่ทุกหน่วยงานมีอยู่เข้ามาสู่ฐานข้อมูลเดียวกัน ง่ายต่อการบริหารจัดการนำผู้ติดเชื้อเข้าระบบการดูแลรักษาที่บ้าน/ ในชุมชน ลดปัญหารายชื่อซ้ำซ้อนและตกหล่น สามารถบริหารจัดการรับ-ส่งต่อผู้ที่มีอาการมากไปรักษาในโรงพยาบาลได้อย่างไร้รอยต่อ รวมถึงจ่ายยา Favipiravir ให้กับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับยา ตามแนวทางเวชปฏิบัติได้ทันท่วงที ช่วยลดอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต”ดร.สาธิตกล่าว

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org