ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 กรมอนามัย ห่วงเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ตกเป็นเหยื่อโฆษณาอาหารและเครื่องดื่มที่มีไขมัน น้ำตาล โซเดียมสูง โดยเฉพาะขนมกรุบกรอบและเครื่องดื่มผสมน้ำตาล สาเหตุสำคัญของโรคอ้วน

"พบพฤติกรรมการบริโภคขนมกรุบกรอบและน้ำอัดลมของเด็กวัยเรียนเพิ่มขึ้น และเด็กไทยมากกว่า 80 % บริโภคอาหารฟาสฟู้ดสัปดาห์ละอย่างน้อย 1 ครั้ง เฉลี่ยสัปดาห์ละ 4 ครั้ง ซึ่งสูงสุดเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศที่มีรายได้ระดับเดียวกัน"

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนในเด็กยังเป็นปัญหาสาธารณสุขไทย โดยข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังกระทรวงสาธารณสุข (HDC) พบว่า เด็กเล็ก อายุ 0-5 ปี มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน 8.7 % เด็กวัยเรียน อายุ 6-14 ปี พบ 11.2  % และเด็กวัยรุ่น อายุ 15 -18 ปี พบ 13.5 % ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อและบริโภคอาหารและเครื่องดื่มของเด็กที่มีไขมัน น้ำตาล โซเดียมสูง ที่มักมุ่งเป้าหมายไปยังกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 

ผ่านกลยุทธ์การโฆษณาทั้งสื่อออฟไลน์ ออนไลน์ และเกมต่าง ๆ รวมทั้งการส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถม ชิงโชค ชิงรางวัล ส่งผลให้เด็กชื่นชอบและบริโภคผลิตภัณฑ์นั้นเพิ่มขึ้นได้ ประกอบกับในช่วงของสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในขณะนี้ ที่เด็กสามารถเข้าถึงสื่อออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ทำให้เด็กซื้อและบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีไขมัน น้ำตาล โซเดียมสูง เพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กมีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน รวมทั้งเสี่ยงต่อภาวะบกพร่องด้านสติปัญญา และการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในอนาคต

"รายงานสุขภาพคนไทย พ.ศ.2563 สำรวจพฤติกรรมการเลือกซื้ออาหารสำหรับเด็กไทยพบว่า ส่วนใหญ่เด็กไทยยังซื้ออาหารตามความชอบ 27.7 % อยากกิน 18.8 % รสชาติเป็นหลัก 18.8 %  และคำนึงถึงคุณค่าทางอาหาร มีเพียง 8.1 % นอกจากนี้ การสำรวจกรมอนามัย พ.ศ.2560 ยังพบว่า เด็กเล็กเกือบ 50 % ดื่มนมรสหวานและนมเปรี้ยว เด็กวัยเรียนและวัยรุ่นประมาณ 1 ใน 3 คน  กินขนมกรุบกรอบทุกวัน และมากกว่าครึ่งหนึ่งดื่มน้ำอัดลม 1-3 วันต่อสัปดาห์ และเกือบ 15 % ดื่มน้ำอัดลมทุกวัน" อธิบดีกรมอนามัย กล่าว