ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า จังหวัดภูเก็ตเตรียมฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 หรือ บูสเตอร์โดส ทางผิวหนังตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้ ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้อนุมัติเรียบร้อยแล้ว หลังผลวิจัยของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตพบว่าการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีนเอสตราเซเนกาแบบฉีดเข้าผิวหนังกระตุ้นภูมิคุ้มไม่แตกต่างกับฉีดเข้ากล้ามเนื้อ แต่ใช้ปริมาณวัคซีนเพียง 1 ใน 5 ของการฉีดแบบปกติ

“ถ้าเป็นบูสเตอร์จะฉีดเข้าผิวหนัง ส่วนเข็ม 1-2 ยังฉีดแบบเข้ากล้ามเนื้อปกติ ส่วนกลุ่มของเด็กนักเรียนจะเริ่มฉีดประมาณต้นเดือนหน้า ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 2 สัปดาห์ยอดผู้ติดเชื้อในจังหวัดจะลดลง เนื่องจากมีการฉีดเข็ม 3 ไปแล้วเกือบ 1 แสนคน และตอนนี้ได้มีการระดมทีมจากจังหวัดอื่นมาช่วยเร่งตรวจคัดกรองเชิงรุกเพื่อหาผู้ติดเชื้อโดยเร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของคนในพื้นที่และสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว” นายแพทย์กู้ศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้จำนวนผู้ลงทะเบียนและได้รับวัคซีนในจังหวังภูเก็ตล่าสุด (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ก.ย.) เข็ม 1 ฉีดไปแล้ว 92% จากเป้าหมายที่วางไว้ 466,587 คน ส่วนเข็ม 2 คิดเป็น 84% และเข็ม 3 คิดเป็น 20% ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ (วันที่ 20 ก.ย.) อยู่ที่ 237 ราย ผู้ติดเชื้อยืนยันสะสม 9,004 ราย

สสจ.ภูเก็ตเชื่อว่า การได้รับวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3 จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตาได้มากขึ้นในการเปิดเกาะรับนักท่องเที่ยวในประเทศ แต่ก็ต้องควบคู่ไปกับมาตรการคัดกรองและมาตรการทางสังคมที่เข้มงวด เช่น การเคลื่อนย้ายแรงงานผิดกฎหมาย หรือการรับคนงานเข้ามาต้องได้รับการฉีดวัคซีนก่อน เป็นต้น เพราะฉะนั้นต้องอยู่ร่วมกับมันให้ได้และต้องทำควบคู่กันไปทั้งเศรษฐกิจและสุขภาพ พร้อมยืนยันไม่มีการปกปิดตัวเลขผู้ติดเชื้อแน่นอน

“ถ้าปกปิดจริงๆ ผมให้ยอดต่ำกว่านี้แล้ว เพราะแต่ละโรงพยาบาลที่รายงานเข้ามาก็รู้ยอดของเขาอยู่แล้ว มีความตรงไปตรงมาแน่นอน แต่อาจรายงานช้าหน่อย เพราะต้องตรวจสอบให้ข้อมูลตรง เรื่องปกปิดยากมาก”

อย่างไรก็ตาม ความเคบื่อนไหวในสื่อสังคมออนไลน์ในพื้นที่พบว่ามีประชาชนบางส่วนยังไม่เชื่อมั่นต่อการฉีดเข็ม 3 ทางผิวหนัง เนื่องจากผลการวิจัยที่อ้างถึงนั้นยังไม่มีผลวัดค่าภูมิคุ้มกันหลังได้รับวัคซีน 12 สัปดาห์ อีกทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่ามีวัคซีนเพียงพอที่จะฉีดให้กับประชาชน

“ฉีดใต้ผิวหนัง ฉีดยาก ฉีดไม่ถูกต้องอาจไม่ได้ภูมิ แต่ประหยัด ใช้วัคซีนน้อย ปันได้เยอะคน ได้ภูมิสูง แต่อยู่ได้นานหรือไม่ ยังไม่มีผลการทดสอบตรวจวัด 12 สัปดาห์เลย รีบให้ใช้กับคนภูเก็ต รีบไปไหน? เพื่ออะไร? แล้วทำไมไม่รอผลการทดสอบให้ครบทุกด้าน? สงสัยหลายเรื่องเลยครับ” ส่วนหนึ่งของข้อความที่มีผู้เผยแพร่ผ่านเพจศูนย์ข้อมูลภูเก็ตเกี่ยวกับนโยบายฉีดทางผิวหนัง