ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ไทยฉีดวัคซีนสะสมแล้วกว่า 61 ล้านโดส พร้อมรับเปิดประเทศภาพรวมเข็ม 1 ฉีดครอบคลุม 70% แต่ยังมีหลายจังหวัดฉีดไม่ถึง 50% เร่งเดินเครื่องฉีดเต็มสูบ!! ขณะที่ 4 จ.ภาคใต้ฉีดวัคซีนเข็ม 1 แล้วกว่า 42% ส่วนอนุกรรมการวัคซีนฯ พิจารณาสูตรไขว้เพิ่ม! รอเข้า ศบค. แต่ปัจจุบันยังใช้สูตรหลัก คือ “ซิโนแวค+แอสตร้าฯ” รอประชุม 20 ต.ค.นี้ พิจารณาวัคซีนเข็ม 2 ในเด็กนักเรียนชายหรือไม่

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 ต.ค. 64 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสูตรการฉีดวัคซีนโควิด 19 ว่า รายงานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดวันนี้อยู่ที่ 805,146 โดส สรุปตัวเลขสะสมถึงวันที่ 11 ต.ค. 2564 อยู่ที่ 61,033,251 โดส จำแนกเป็นเข็มที่ 1 อยู่ที่ร้อยละ 49.2 กำลังจะถึงร้อยละ 50 ของประชากร โดยเข็มที่ 2 อยู่ที่ร้อยละ 33 ซึ่งเข็มที่ 2 นัดหมายห่างจากเข็มที่ 1 ประมาณ 3-4 สัปดาห์ ส่วนเข็มที่ 3 อยู่ที่ร้อยละ 2.5

อย่างไรก็ตาม สำหรับการฉีดวัคซีนในเด็กนักเรียนวันนี้ฉีดไป 499,046 โดส ในเรื่องการฉีดวัคซีนให้นักเรียนนั้น หลายพื้นที่ได้ใช้สถาบันการศึกษา หรือหน่วยงานของศึกษาธิการ ซึ่งเป็นนอกสถานพยาบาล การรายงานข้อมูลจะค่อยๆรายงานเข้ามา อาจไม่ทันทีเหมือนหน่วยงานสาธารณสุข ซึ่งปัจจุบันได้รับความสนใจฉีดต่อเนื่อง

00 เร่งฉีดวัคซีนพร้อมเปิดประเทศ 1 พ.ย.64

นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า ส่วนการเปิดประเทศ 1 พ.ย. 64 ที่ท่านนายกรัฐมนตรีแถลงไปก่อนหน้านี้นั้น ในการรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงเดินทางท่องเที่ยวตามปกติ การเปิดการท่องเที่ยวจึงมีมาตรการต่างๆ ในการกำหนดประเทศที่เดินทางเข้ามาต้องมีความเสี่ยงต่ำ การกำหนดเรื่องหลักฐานการฉีดวัคซีน รวมถึงมาตรการในพื้นที่ที่ต้องมีการฉีดวัคซีนในเปอร์เซ็นต์ที่สูง โดยภาพรวมเข็มที่ 1 อยู่ที่ 70% โดยรายพื้นที่ที่กระจายกันอยู่ ส่วนที่ทำให้ค่าเฉลี่ยดึงขึ้นไปสูง คือ ในส่วนกรุงเทพฯ มีตัวเลขสูงเกินกว่าฐานในทะเบียนประชากร อยู่ที่ 102.8% ซึ่งเข้าใจได้ เพราะมีประชาชนทั้งพื้นที่กทม.และปริมณฑลมาฉีด ส่วนภูเก็ต ฉีดไป 80% สมุทรปราการฉีดไป 68.8% แต่ก็มีหลายจังหวัดฉีดต่ำกว่า 50% ทั้งอุดรธานี 38.1% หนองคาย 38.8% เลย 37.3% ฯลฯ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะพื้นที่เหล่านี้ได้รับการมุ่งเน้นในการเตรียมพร้อม การจัดสรรวัคซีน จึงขอเชิญชวนประชาชนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวติดตามข้อมูลในจังหวัด เพื่อติดต่อจองนัดฉีดวัคซีน

“ในกลุ่ม 608 ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการป่วยหนัก เสียชีวิต ก็อยากให้มีการฉีดครอบคลุมถึง 80% โดยภาพรวมครอบคลุมแล้ว 72.3% ซึ่งก็ยังมีพื้นที่ที่ฉีดต่ำกว่า 50% อยู่ แต่ก็เชื่อว่าจากนี้จะเร่งรัดการฉีดไปถึงเป้าหมายได้” นพ.เฉวตสรร กล่าว

00 "4 จังหวัดภาคใต้" เร่งฉีดวัคซีนโควิด ส่งไฟเซอร์สกัดเบตา

ส่วนการฉีดวัคซีนใน 4 จังหวัดภาคใต้ มีนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา โดยภาพรวมฉีดเข็มที่ 1 ไปแล้วกว่า 1.5 ล้านโดส จากฐานประชากรประมาณ 3.5 ล้านคน คิดเป็น 42.4% ส่วนข้อมูลกลุ่ม 60 ปีขึ้นไปฉีดครอบคลุม 58% ส่วนกลุ่มที่มีโรคประจำตัวฉีดได้ 51% อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนไปจำนวนมาก ซึ่งทางนพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการฯ ได้รับนโยบายปลัด สธ.ในการเร่งรัดฉีดวัคซีนมากยิ่งขึ้น มีเป้าหมายให้ฉีดถึง 70% อาจเป็นปลายเดือนนี้

สำหรับการจัดหาวัคซีนเข้าประเทศไทยนั้น ในช่วงปลายปีเราใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้วัคซีนเข้ามาจำนวนมาก ทั้งเข็ม 1 เข็ม 2 และกระตุ้นเข็ม 3 โดยแผนการจัดหาวัคซีนเดือน ต.ค. เป็นเดือนที่ได้รับวัคซีนมาบางส่วนแล้ว ส่วนพ.ย. และธ.ค.ก็อยู่ในแผน ซึ่งน่าจะได้รับตามจำนวนนี้หรือใกล้เคียง เพราะขึ้นกับการส่งมอบของบริษัทวัคซีน และการตรวจสอบคุณภาพ โดยแผนเดือน พ.ย. และธ.ค. จะเข้ามาเฉลี่ยเดือน 12.5 ล้านโดส โดยภาพรวมการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิดในปี 2564 ในส่วนที่กระทรวงสาธารณสุขจัดหาอยู่ที่ 127.1 ล้านโดส ขณะที่หากรวมวัคซีนทางเลือกจะรวมเป็น 179.1 ล้านโดส ดังนั้น ในส่วนที่กังวลว่า วัคซีนจะเพียงพอหรือไม่ เพราะเห็นบางพื้นที่นักเรียนมาแต่ไม่ได้ฉีด เพราะมีการเลื่อน จริงๆมีวัคซีนเพียงพอ และเรามีการเติมวัคซีนเข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาด โดยเฉพาะภาคใต้ตอนล่าง ที่มีสายพันธุ์ทั้งเดลตา และเบตา จึงจำเป็นต้องจัดส่งไฟเซอร์เข้าไป

 

00 สูตรหลักสูตรไขว้ ยังเป็น "ซิโนแวค+แอสตร้าฯ"

“สำหรับสูตรวัคซีนที่เรามีการฉีดอยู่ โดยสูตรหลักสูตรไขว้ คือ ซิโนแวค และเข็ม 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า” นพ.เฉวตสรร กล่าว

เมื่อถามว่า มีวัคซีนจำนวนมากแล้ว วัคซีนซิโนแวคยังจำเป็นต้องใช้อีกหรือไม่ นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การฉีดซิโนแวคเป็นเข็มที่ 1 และกระตุ้นด้วยแอสตร้าฯ เข็ม 2 เพราะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูง และในเวลารวดเร็ว เนื่องจากหากเป็นแอสตร้าฯ 2 เข็มต้องรอ 3 เดือน ซึ่งการฉีดที่ยังมีซิโนแวคอยู่ ก็ยังใช้สูตรนี้เป็นสูตรหลักต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อฉีดสูตรไขว้แล้วจำเป็นต้องกระตุ้นอีกหรือไม่ โดยหลักหากเวลาผ่านไป 3-6 เดือนภูมิฯ อาจค่อยลดลง ซึ่งจะมีการพิจารณาอีกครั้ง ปัจจุบันยังไม่ต้องกังวล สำหรับคนฉีดซิโนแวค 2 เข็มไปแล้วเมื่อเดือน มี.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมา เรานับเวลา 6 เดือนจึงให้มาฉีดกระตุ้น

เมื่อถามว่าอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคพิจารณาวัคซีนไขว้สูตรใหม่ “แอสตร้าฯ+ไฟเซอร์” ความคืบหน้าเป็นอย่างไร นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในเรื่องการพิจารณาสูตรวัคซีนนั้น ทางคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคจะพิจารณาสูตรที่เป็นไปได้ทางวิชาการมีอะไรบ้าง เวลามากำหนดสูตร ก็จะต้องประเมินทั้งเรื่องการส่งมอบวัคซีนว่า มีอะไรอยู่ในมือ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อพิจารณาเชิงบริหารวัคซีนและจะเสนอต่อ ศบค. จึงจะประกาศใช้ ส่วนที่ปรากฎในข่าวนั้น ทางวิชาการมีความมั่นใจ แต่อย่างไรเสีย ขอให้รอศบค. ประกาศ ว่าจะใช้สูตรไหน จะมีหนังสือสั่งการต่อไป

“เวลามีหลายสูตร ทุกประเทศปฏิบัติเหมือนกัน ซึ่งในทางสาธารณสุข ทางการจะกำหนดสูตรฉีดวัคซีนเป็นหลัก ไม่ได้ให้ประชาชนเลือกสูตรไขว้ด้วยตัวเอง ดังนั้น เมื่ออนุกรรมการฯ เห็นว่ามีประโยชน์ก็ขอให้มั่นใจว่า สูตรที่ประกาศสามารถใช้ได้ ฉีดได้เลย ไม่ควรรีรอ” นพ.เฉวตสรร กล่าว

ทั้งนี้  นพ.เฉวตสรร กล่าวย้ำว่า สูตรฉีดไขว้แอสตราฯ ตามด้วยไฟเซอร์ รอผ่านมติศบค.ซึ่งจะประกาศเป็นทางการ  การพิจารณาเป็นไปตามหลักวิชาการ ความเหมาะสมในการบริหารจัดการให้เกิดภูมิคุ้มกัน และให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศสูงสุด ซึ่งที่ผ่านมาจะมีการกำหนดเป็นสูตรหลักสูตรหนึ่ง และสูตรที่สามารถใช้ได้กรณีมีความจำเป็น เนื่องจากประด็นทางสุขภาพ และเงื่อนไขทางปฏิบัติเช่นประเทศที่จะเดินทาง ก็อาจจะขยายได้  กรณีพื้นที่ภาคใต้ซึ่งมีการจัดส่งไฟเซอร์ลงไป ก็จะใช้ฉีดเป็นไฟเซอร์ 2 เข็ม เพื่อรองรับสายพันธุ์ที่ระบาดด้วย หากเป็นแอสตราฯ ตามด้วยไฟเซอร์ทางวิชากรก็ทำได้ ในทางปฏิบัติคงมีชี้แจงลงไปในพื้นที่ อย่างไรก็ตามขอให้มั่นใจในทุกสูตรที่สามารถใช้ได้ เพราะไม่ควรรอ เพราะสถานการณ์บางที  การรออาจจะเกิดสานพันธุ์ที่แตกต่างจนมีความรุนแรง และอาจจะเสียประโยชน์ได้  ส่วนการฉีดนักเรียนที่ผ่านมา ในระบบที่รายงานเข้ามายังไม่มีอะไรน่ากังวล ระบบรายงานอาการไม่พึงประสงค์จะต้องมีการตรวจสอบเก็บข้อมูลในพื้นที่   เท่าที่ฉีดมายังไม่มีข้อกังวล ส่วนเข็ม 2 ในกลุ่มนักเรียนชายนั้น คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนจะประชุมน่าจะจะมีข้อตัดสินวันที่ 20 ต.ค.นี้ โดยจะพิจารณาข้อมูลที่มีการรวบรวยการฉีดเข็ม 1 ในเด็กชาย  เป็นข้อสงสัยสอบถามในพื้นที่มา อย่างไรข้อสรุปต้องออกมาก่อนวันนัดฉีดเข็ม 2 แน่นอน

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org