ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก


ปลัดสธ.-ประธานคณะกรรมการปฏิรูปด้านสาธารณสุข สนับสนุนปฏิรูประบบสาธารณสุข ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ พร้อมร่วมมือส่งเสริมเครือข่ายเพื่อพัฒนาการเชื่อมโยงฐานข้อมูลสุขภาพทั่วประเทศ


เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2564 ในงานแถลงข่าวร่วมมือการขับเคลื่อนแผนการปฏิรูประบบสาธารณสุข Big Rock 1 “ยุตติโรคระบาดด้วยนวัตกรรมโดยการเชื่อมต่อฐานข้อมูลสาธารณสุขแบบบูรณาการ (Ending Pandemics through lnnovation Program) ระหว่าง 3 กระทรวง โดยมีนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข เข้าร่วมเสวนาด้วย

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า  ในเรื่องของการยุตติโรคระบาดด้วยนวัตกรรมโดยการเชื่อมต่อฐานข้อมูลซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง การทำงานที่มีผลกระทบพบว่ามีหลายหน่วยงาน ดังนั้นระบบข้อมูลจึงเป็นระบบที่สำคัญ หน่วยงานที่เข้ามาร่วมมือค่อนข้างจะมีประสบการณ์การจัดการข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็น ระบบหมอพร้อม เป็นต้น

ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขร่วมมือกับทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน สร้างมาตรการระบบต่างๆ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดให้ทันทวงทีนั้น แต่ก็ยังพบว่า ประชาชนบางส่วนที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาได้อย่างทันที และบางส่วนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการหนือสิทธิรักษา เนื่องจากสิทธิการรักษาข้อมูลบางส่วนไม่เชื่อมโยงกัน

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในการพัฒนาระบบ เพื่อรองรับสถานการณ์ ตัวอย่างเช่น ระบบ Co-Lab, Co ward, หมอพร้อม, DDC care ร่วมพัฒนากับ สวทช. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ ระบบ Co-link สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (GBDi) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น  ซึ่งจากผลการประชุมเรื่องการปฏิรูป ทั้ง 3 ด้านในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น 1) Data Repository  2) Data Standard 3) Health information Exchange 

พร้อมทั้งความร่วมจากทั้งกระทรวงการคลัง และกระทรวงแรงงาน เข้ามาร่วมในการขับเคลื่อนนั้น หากเราสามารถร่วมกันขับเคลื่อนตามแผนงานได้สำเร็จ จะเป็นการเชื่อมโยงฐานข้อมูลสุขภาพ

 

และการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมให้การสนับสนุนทุกแผนงานที่เกิดจากการประชุมหารือในวันนี้ ให้นำไปสู่การปฏิบัติและการขยายผลไปยังหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทั่วประเทศ”

ด้าน ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่รัฐบาลมีความพยายามที่จะพัฒนาและนำพาไปสู่ประเทศที่พัฒนาพึ่งพาตนเองได้ ดังนั้น การปรับแผนให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาประเทศรวมถึงการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป รัฐบาลได้จัดตั้งพัฒนาปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆขึ้น เมื่อวันที่ 12 กรกฎา 2563 

เพื่อพัฒนาและปรับปรุงให้สอดคล้องกับบริบทเพื่อเข้ากับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทของประเทศ ซึ่งเราได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ในส่วนของการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขเราได้กำหนดแนวทางออกเป็น 5 ด้าน และการปฏิรูปการจัดการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในโรคระบาด โควิด19 โดยมีข้อเสนอ 4 ประการ 

ได้แก่ 1. ปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับระบบอภิบาลและระบบจัดการด้านความมั่นคงด้านสุขภาพ 2. การปฏิรูประบบงบประมาณและการคลัง เพื่อสนับสนุนระบบสาธารณสุขด้านสุขภาพ 3. การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดการภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข ซึ่งเราพยายามที่จะพักดันในส่วนตรงนี้

ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อุดม กล่าวเพิ่มเติมว่า ซึ่งเราได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณะสุข รวมทั้งเครือข่ายต่างๆมาช่วยในการร่วมกันระดมกำลังพักดันให้เป็นรูปธรรมให้ได้ซึ่งตรงนี้เราหวังว่าจะเป็นการร่วมมือภายใต้ร่มใหญ่ก็คือการยุตติการระบาดโรค โควิด-19 ซึ่งเราได้มีการปรึกษาหาร่อกัน ทั้งภาครัฐและเอกชนว่าระบบสาธารณสุขมีจุดบอดเยอะเหลือเกินในการที่จะพัฒนาระบบสาธารณสุขหรือควบคุมการระบาด  เราได้เจอและพบมากในทุกวิกฤตทุกภาคส่วนต้องตระหนักและมาช่วยกันทำและผมเองก็ฝากท่านรัฐมนตรีเข้ามาช่วยกันทำซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะช่วยผลักดันให้ทำได้จริงๆเป็นรูปธรรมจริงๆ 

ซึ่งเราก็พยายามที่จะประสานงานในส่วนการสนับสนุนการทำงานและการวางแผนงานต่างๆให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้