ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ว่า ที่ประชุมรับทราบการจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์สำหรับปีพ.ศ.2565 เพิ่มเติมอีกจำนวน 30 ล้านโดส เพื่อใช้ป้องกันโรคโควิด-19 เป็นไปตามแผนการจัดหาวัคซีนของประเทศไทยซึ่งผ่านความเห็นชอบจากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้มีวัคซีนไฟเซอร์สำหรับปี 2564-2565 จำนวน 60 ล้านโดส ครอบคลุมถึงกรณีที่จะได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงวัคซีนในประเทศไทย จากวัคซีนรุ่นที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นวัคซีนรุ่นที่หากมีการพัฒนาสำเร็จเพื่อเตรียมไว้สำหรับการฉีดให้เด็กและเยาวชนในช่วงอายุต่างๆ ต่อไป กำหนดส่งมอบในไตรมาส 1-3 ของปี 2565 คือเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน

“ที่ผ่านมาได้มีการเห็นชอบแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับปี 2565 จำนวน 120 ล้านโดส ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ดำเนินการเจรจากับบริษัทไฟเซอร์อย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ถือว่าเป็นไปตามแผนของศบค.”นายธนกรกล่าว

ทั้งนี้ นายธนกรได้เปิดเผยความคืบหน้าของเด็กนักเรียนที่ฉีดวัคซีนในประเทศ ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน พบว่ามีนักเรียนที่ประสงค์ฉีดวัคซีนจำนวน 4,062,239 คน จากจำนวนนักเรียนทั้งหมด 5,085,460 คน โดยนักเรียนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้วจำนวน 3,686,476 คน คิดเป็น 90.75 % และฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แล้ว จำนวน 1,674,270 คน คิดเป็นร้อยละ 41.22 % ขณะเดียวกันศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ได้แจ้งขยายเวลาให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กที่ศึกษานอกระบบ อยู่นอกระบบการศึกษา หรือเด็กนักเรียน ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนจากจุดฉีดในสถานศึกษา โดยจะบริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เข็มที่ 1 สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 12 – 18 ปี ทั้งนักเรียนชาวไทยและต่างชาติ สามารถขอรับบริการลงทะเบียน ณ จุดฉีด (Walk in) ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ ต้องมีผู้ปกครองหรือผู้แทนโดยชอบธรรมมาพร้อมกับเด็ก และต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองเป็นลายลักษณ์อักษรในวันที่ฉีดยา

“การฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียนอายุ 12-18 ปี ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคมจนถึงปัจจุบัน ก้าวหน้าเป็นอย่างมากทั้ง มีนักเรียนทยอยแจ้งความประสงค์ฉีดวัคซีนเพิ่มมากกว่า 4.06 ล้านคน อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยังฝากความห่วงใยมาถึงผู้ปกครอง คุณครู และนักเรียนว่า แม้ว่าจะได้รับวัคซีนแล้ว โรงเรียนยังต้องดำเนินตามมาตรการ Safety Zone in School และนักเรียนต้องปฏิบัติตามแนวทางป้องกันทางสาธารณสุขอย่างเข้มงวด เพื่อลดการติดหรือแพร่เชื้อ ให้การเรียนออนไซต์มีความปลอดภัย” นายธนกร กล่าว

 

ภาพจากเว็บไซต์รัฐบาลไทย  www. thaigov.go.th