ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ถวายสักการะพระอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร อธิบดีกรมสาธารณสุขพระองค์แรก เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข พร้อมจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ และสัปดาห์รณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด 19 เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 100 ล้านโดส  27 พ.ย.-5 ธ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2564 ที่บริเวณลานพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้แทนหน่วยงาน สมาคม องค์กรต่างๆ ร่วมพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และพิธีสดัปกรณ์ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่ล่วงลับไปแล้ว โดยตลอดกิจกรรมได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคโควิด 19 

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขถือกำเนิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชดำริให้รวมกิจการแพทย์และการสุขาภิบาลที่แยกอยู่ในกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงนครบาลเข้าไว้ด้วยกัน และเปลี่ยนชื่อจากกรมประชาภิบาลเป็นกรมสาธารณสุข เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2461 พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นชัยนาทนเรนทร เป็นอธิบดีกรมสาธารณสุขพระองค์แรก ซึ่งพระองค์ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจเพื่อให้การแพทย์การสาธารณสุข เจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยะประเทศมาโดยตลอด และได้รับการยกฐานะเป็นกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2485 ก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะเห็นชอบให้เปลี่ยนวันสถาปนาจาก 10 มีนาคม มาเป็นวันที่ 27 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันที่มีการสถาปนากรมสาธารณสุขเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ.2509 เป็นต้นมา โดยในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีอายุครบ 79 ปี 

โดยในปีนี้ นอกจากพิธีวางพานพุ่ม พิธีสดับปกรณ์ และการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร แล้ว กระทรวงสาธารณสุขยังใช้โอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวง จัดกิจกรรมสัปดาห์รณรงค์การฉีดวัคซีนโควิด 19 ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม 2564 เพื่อเร่งรัดการฉีดวัคซีนในผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และขยายการฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มแรงงานต่างด้าว ให้บรรลุเป้าหมาย 100 ล้านโดส เพิ่มความครอบคลุมวัคซีนให้ถึง 70% ของประชากร ซึ่งจะช่วยควบคุมการแพร่ระบาด และทำให้สามารถเดินหน้าเปิดประเทศได้อย่างปลอดภัย