ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมวิทย์แจงกรณีลือพบชาวแอฟริกันติด "โอไมครอน" รักษาสถาบันบำราศฯ ไม่จริง! เป็นเดลตา ขณะที่องค์การอนามัยโลก เผยยังไม่มีรายงานพบผู้เสียชีวิตที่เกิดกับไวรัสสายพันธุ์นี้ แต่คาดว่าผู้ติดเชื้อโควิดในยุโรปกว่าครึ่ง อาจติดเชื้อช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า 

เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2564 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีพบกรณีชาวแอฟริกันป่วยและรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ว่า ผลการตรวจยืนยันว่า ติดเชื้อ แต่เป็นเชื้อเดลตา ไม่ใช่โอไมครอน อย่างไรก็ตาม ในการเรื่องของการตรวจหาโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนั้น ต้องใช้เวลาตรวจ เนื่องจากยังไม่มีน้ำยาตรวจเฉพาะเหมือนสายพันธุ์อื่นๆ  โดยจะใช้เทคนิคการตรวจหาตำแหน่งพันธุกรรมจากน้ำยาตรวจของอัลฟา และเบตาแทน หากให้ผลเป็นบวก สันนิษฐานว่าติดเชื้อโอไมครอน เนื่องจากตำแหน่งของรหัสพันธุกรรมบางตัวของอัลฟา และเบตามีตรงกับโอไมครอน   จากนั้นจึงจะนำมาสู่กระบวนการด้วยหาพันธุกรรมทั้งตัว ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจยืนยัน  และเมื่อพบก็จะรายงานผลให้ GISAID ด้วย ทุกขั้นตอนต้องใช้เวลา 

 

"หากพบคนติดเชื้อโอไมครอน กระทรวงสาธารณสุขไม่ปกปิดแน่นอน.." นพ.ศุภกิจ กล่าว

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วโลกเริ่มพบเชื้อโอไมครอน ก็มีความเป็นไปได้หากจะมีการพบเชื้อมากับผู้เดินทางเข้ามา  แต่ทุกอย่างต้องมีการตรวจยืนยันให้แน่ใจก่อน และไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก เพราะกระบวนการป้องกันยังเหมือน  ทั้งสวมหน้ากากและรักษาระยะห่าง และการล้างมือ และกระบวนการรักษาก็ยังเหมือนเดิม และวัคซีนยังเป็นกลไกสำคัญช่วยลดความรุนแรง 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานข้อมูลโอไมครอนจากองค์การอนามัยโลก โดยได้เปิดเผยว่าตรวจพบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนอย่างน้อย 38 ประเทศทั่วโลก แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าว ขณะที่มีการเตือนว่าโอไมครอนอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และออสเตรเลียเป็นประเทศล่าสุดที่ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนภายในประเทศ ขณะที่การระบาดของโอไมครอนทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิดในแอฟริกาใต้พุ่งทะลุ 3 ล้านรายแล้ว 

ทั้งนี้ องค์การอนามัยเตือนว่า อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์เพื่อบ่งชี้ว่า ไวรัสโอไมครอนแพร่เชื้ออย่างไร และทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงขึ้นหรือไม่ รวมทั้งประสิทธิภาพของการรักษาและวัคซีนในการป้องกันไวรัสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าว 

โดยองค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า ยังไม่มีรายงานพบผู้เสียชีวิตที่เกิดกับไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน แต่การแพร่ระบาดของโอไมครอน ทำให้มีการเตือนว่า ผู้ติดเชื้อโควิดในยุโรปจำนวนมากกว่าครึ่ง อาจติดเชื้อจากโอไมครอนในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า