ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ศบค.เผยล่าสุดทั่วโลกติดโอไมครอน 56 ประเทศ มาจากการเดินทาง 36 ประเทศ รวมทั้งไทย ล่าสุดไทยพบเพิ่มอีก 2 รายจากการตรวจจับตามระบบ รอกรมวิทย์ยืนยันผลอีกครั้ง!! สอบสวนโรคพบเป็นหญิงไทยเดินทางมาจากไนจีเรีย   สอบสวนโรคพบระหว่างอยู่ตปท. ไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่ฉีดวัคซีน ขอย้ำ! มาตรการส่วนบุคคลยังต้องปฏิบัติ ช่วยป้องกันโควิดได้

เมื่อวันที่  8 ธ.ค. 2564  ที่ทำเนียบรัฐบาล  พญ.สุมนี วัชรสินธุ์  ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค(คร.)  แถลงข่าวศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ว่า สถานการณ์ทั่วโลกติดเชื้อรายใหม่วันนี้อยู่ที่ 597,890 ราย มีผู้เสียชีวิต 7,708 ราย คิดเป็น 1.98%  และ 20 ประเทศแรก อันดับหนึ่งยังเป็นสหรัฐอเมริกา วันนี้รายงานติดเชื้อ 107,642 ราย ซึ่งผู้ติดเชื้อในยุโรปยังเพิ่มขึ้น ทั้งฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และเยอรมัน อีกทั้ง น่าสังเกตว่า รัสเซียยังพบผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้เสียชีวิต 1,182 ราย รองจากสหรัฐที่พบผู้เสียชีวิต 1,722 ราย

ส่วนประเทศไทยอยู่อันดับติดเชื้อที่ 24 ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านต้องระวัง คือ มาเลเซีย พบติดเชื้อ 4,965 ราย ขณะที่เวียดนามก็ยังพบจำนวนมากติดเชื้อถึง 13,840 ราย โดยขณะนี้เวียดนามประกาศปรับระบบการกลับเข้ามาเรียนในมัธยมปลายที่ฮานอย เนื่องจากมีการระบาดรอบใหม่ โดยเดิมจะให้เปิดเรียนตามปกติ แต่ขณะนี้ให้จำนวนนักเรียนมัธยมปลายสลับกันมาเรียน ครึ่งหนึ่งเรียนวันจันทร์ พุธ ศุกร์ อีกครึ่งหนึ่งเรียนวันอังคาร พฤหัส เสาร์ เป็นต้น ส่วนลาว ก็ยังมีรายงานผู้ติดเชื้อวันละ 1-2 พันรายต่อวัน 

อย่างไรก็ตาม สำหรับโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ติดเชื้อแล้ว 56 ประเทศ ซึ่งประเทศที่เพิ่มมาในวันนี้คือ โมซัมบิก  ส่วนกลุ่มประเทศที่มีการติดเชื้อจากการเดินทางเข้ามามี 36 ประเทศ โดยรายงานเพิ่มขึ้นคือ อูกานดา สำหรับประเทศไทย ขณะนี้มีรายงานเข้ามา 3 ราย   

โดยรายแรกได้มีการรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นชายอายุ 35 ปี สัญชาติอเมริกัน เป็นนักธุรกิจ เดินทางมาถึงไทยวันที่ 1 ธ.ค.จากดูไบ เข้ามาในไทยแบบ Test and Go โดยตรวจ PCR วันแรกเป็นบวก จากนั้นยืนยันการตรวจด้วยวิถีถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว ผลยืนยันว่าติดเชื้อโอไมครอนในวันที่ 3 ธ.ค. ซึ่งไม่มีอาการและขณะนี้อยู่ระหว่างกักตัว ดูแลรักษาในรพ.

"จากการสอบสวนเคสนี้มีผู้เสี่ยงต่ำทั้งหมด 17 ราย ที่สนามบินอีก 2 ราย โดยผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งหมดได้ถูกตามตัวมาตรวจซ้ำ ผลการตรวจเป็นลบทั้งหมด" พญ.สุมนี กล่าว 

สำหรับวันนี้มีการรายงานเพิ่มมา 2 ราย เป็นกลุ่มล่ามมี 3 คนในชุดนี้ที่เป็นคนไทย ได้ร่วมประชุมเป็นตัวแทนคริสตจักรแห่งหนึ่งในประเทศไนจีเรีย ซึ่งมีผู้เดินทางทั้งหมด 20 คน อีก 17 คนเป็นต่างชาติ ช่วงไปประชุม คือ วันที่ 13-23 พ.ย.2564 โดยรายที่ 2 และรายที่ 3 เป็นหญิงไทยอายุ 36 ปี และ 46 ปี โดยอีกรายที่เป็นคนไทยเมื่อประชุมเสร็จได้เดินทางไปสวีเดน ดังนั้น จึงมี 2 รายเดินทางเข้ามาในไทย ซึ่งได้มีการตรวจเชื้อผลเป็นลบ ระหว่างเดินทางวันที่ 23  พ.ย. เริ่มมีอาการไอ เมื่อมาถึงเข้าสู่ระบบกักตัว เพราะทั้งคู่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และไม่ได้มาจาก 63 ประเทศต้นทาง เมื่อเข้าสู่ระบบกักตัว จึงได้ตรวจ RT-PCR วันแรก ผลเป็นบวกทั้งคู่ 

 "เมื่อผลบวกก็เข้าสู่การรักษา แต่เนื่องจากวันที่ 26 พ.ย. องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้โอไมครอน เป็นสายพันธุ์น่ากังวล จึงได้นำตัวอย่างของทั้งสองรายที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกา มาตรวจเพิ่มเติม จนพบว่ามีความเป็นไปได้ว่า ติดเชื้อ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว ในการยืนยันว่า เป็นโอไมครอนหรือไม่ ซึ่งผลจะออกใน 1-2 วันนี้"

ประเด็นสำคัญคือ ระหว่างนี้ทางกรมควบคุมโรคได้สอบสวนโรคจนพบว่า ทั้งคู่ตอนไปไนจีเรีย ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ประกอบกับไม่ฉีดวัคซีน จึงทำให้มีความเสี่ยงทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทั้งคู่ได้รับการรักษาจนหายดีและครบกำหนดเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่เราได้ติดต่อเพื่อให้คุมสังเกตอาการอีกครั้งใน 7 วัน ส่วนอีกรายที่เดินทางไปไนจีเรีย และเดินทางไปสวีเดนนั้น ได้มีการสอบถามไปทางสวีเดน พบว่า ได้มีการตรวจเชื้อพบเป็นบวกที่ประเทศสวีเดนเช่นกัน

"ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านเข้มมาตรการส่วนบุคคล เชื้อโรคจะไม่ทะลุออกมาจากหน้ากากอนามัยออกสู่ภายนอกได้ จึงขอให้ปฏิบัติ และขอให้เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ไม่ว่าไปทำงาน ไปประชุม หรือไปเที่ยว" พญ.สุมนี กล่าว 

ข่าวเกี่ยวข้อง

แจงรายละเอียดระบบเฝ้าระวังพบหญิงไทย 2 รายติด "โอไมครอน" รักษาหาย ไม่มีการแพร่เชื้อ!

: สธ.ยืนยันต่างชาติเดินทางเข้าไทยเป็น "โอมิครอน" รายแรก จาก Test and Go

: เปิดไทม์ไลน์ชาวต่างชาติเข้าไทยตรวจเจอ "โอมิครอน" รายแรก

เปิดผลตรวจโควิด-19 ชายไทยใกล้ชิดคนติด "โอไมครอน" เป็นลบ!  

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org