ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรค ยืนยันวัคซีนทุกสูตรมีประสิทธิภาพดีป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้ทุกสายพันธุ์ ย้ำ! วัคซีนเข็มกระตุ้นช่วยเพิ่มภูมิ - ป้องกัน "โอมิครอน"

วันนี้ (15 มกราคม 2565) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์และประสิทธิผลวัคซีนโควิด 19 ว่า ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนไปได้แล้วกว่า 108 ล้านโดส ซึ่งในเดือนมกราคมนี้ กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าการฉีดวัคซีนให้ได้อย่างน้อย 9 ล้านโดส

ขณะนี้ผ่านไปได้ครึ่งทางสามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้า และเมื่อติดตามประเมินผลประสิทธิภาพของวัคซีนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการวัดผลในพื้นที่จริง (Real World Effectiveness) พบว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพดีมาก ในการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากโรคโควิดทุกสายพันธุ์ได้ถึง 90-100 เปอร์เซ็นต์

ทั้งการฉีดสูตรปกติ สูตรไขว้ หรือบูสเตอร์โดส อีกทั้งยังสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ดีพอสมควร แต่สิ่งที่สำคัญคือ ระยะเวลาในการฉีดวัคซีน หากผ่านพ้น 3 เดือนไปแล้วประสิทธิภาพจะค่อย ๆ ลดลง เพราะฉะนั้น การได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือบูสเตอร์โดสจึงเป็นเรื่องสำคัญ

จากข้อมูลบ่งชี้ว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็ม 3 ทั้งสูตรแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) และไฟเซอร์ (Pfizer) มีประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนได้มากถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์จากการระบาดที่จังหวัดกาฬสินธุ์

นายแพทย์โอภาส กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายการบริหารจัดการวัคซีนเข็มกระตุ้นมีดังนี้

  1. ผู้ที่ได้รับวัคซีน Sinovac-AstraZeneca ครบในเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2564 ให้ฉีดเข็มกระตุ้นด้วยวัคซีน AstraZeneca
  2. ผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca ครบ 2 เข็ม ในเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2564 ให้ฉีดเข็มกระตุ้นด้วยวัคซีน Pfizer
  3. ผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายครบ 2 เข็ม ตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไป ให้ฉีดเข็มกระตุ้นด้วยวัคซีน AstraZeneca

โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็ม 2 ในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2564 ให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ภายในเดือนมกราคม 2565 ส่วนผู้ที่มีประวัติการติดเชื้อให้ฉีดวัคซีน AstraZeneca กระตุ้นได้ 1 เข็ม สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ แต่คนไหนที่ได้รับครบแล้วยังไม่ต้องกระตุ้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422