ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรคเผยโควิดไทยเข้าสู่โรคประจำถิ่น ตีกรอบ 4 เดือนตั้งแต่ 12 มี.ค. เป็นต้นไป รวม 4 ระยะ ขณะนี้เป็นระยะที่ 1 Combatting คือ การปรับเป้าหมายไม่เน้นตัวเลขผู้ติดเชื้อ แต่เป้าอัตราเสียชีวิตให้ลดลง ส่วนมาตรการยังเข้มเหมือนเดิม “ผับ บาร์ คาระโอเกะ” ยังไม่อนุญาตเปิด เว้นปรับเป็นร้านอาหารตาม D-M-H-T-T

 

เมื่อวันที่ 13 มี.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า การระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เป็นที่ทราบกันดีกว่าแพร่เชื้อได้ง่าย แต่ความรุนแรงไม่ได้มากกว่าเดิม จำนวนการติดเชื้อรายใหม่ยังทรงตัวต่อเนื่อง ไม่เพิ่มขึ้นแต่ยังไม่ลดลง เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ ดังนั้น เราต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป อย่างไรก็ตาม แผนการเตรียมปรับให้โควิด-19 เปลี่ยนจากการระบาด(Pandemic) เป็นระยะเข้าสู่โรคประจำถิ่น(Endemic) กรอบเวลา 4 เดือนตั้งแต่ 12 มี.ค. เป็นต้นไป ทั้งหมด 4 ระยะ โดยขณะนี้เป็นระยะที่ 1 คอมแบตติ้ง(Combatting) สิ่งที่เราจะทำคือ การปรับเป้าหมาย โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดเรื่องตัวเลขผู้ติดเชื้อ เนื่องจากสถานการณ์ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แต่เราจะมีเป้าหมายการฉีดวัคซีนป้องให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 เพื่อปรับอัตราเสียชีวิตให้ลดลง ก็จะมีมาตรการรณรงค์ออกมา และการปรับมาตรการดูแลรักษา จะเน้นการรักษาในกลุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“เน้นย้ำการเฝ้าระวังในกลุ่มที่เราต้องการ ไม่ใช่ดูเพียงการติดเชื้อทั้งหมด ซึ่งแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ก่อนจะมีการประชุมกันอีกครั้ง” นพ.โอภาส กล่าว

เมื่อถามว่าในการประชุมศบค.ชุดใหญ่ วันที่ 18 มี.ค. จะมีการเสนอปรับมาตรการอย่างไร โดยเฉพาะกิจกรรมที่ยังถูกล็อกไว้ นพ.โอภาส กล่าวว่า ยังไม่มีกำหนดชัดเจนว่าประชุมวันใด แต่ส่วนใหญ่กิจกรรมสังคมก็ดำเนินการได้เป็นปกติเกือบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงผับบาร์ คาราโอเกะที่ยังขอให้ปิดอยู่ ซึ่งผู้ประกอบการก็ปรับมาเป็นรูปแบบร้านอาหารแล้ว จึงขอเน้นย้ำมาตรการ D-M-H-T-T ว่ามีความสำคัญ ยังจำเป็นต้องดำเนินการต่อเนื่อง

เมื่อถามต่อว่ามาตรการเข้าประเทศ จะมีการปรับผ่อนคลายอย่างไร เนื่องจากชาวต่างชาติมองว่า เงื่อนไขของไทยมาก ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเข้าประเทศยังสูง นพ.โอภาส กล่าวว่า ทางกรรมการวิชาการก็ได้หารือเรื่องนี้กันอยู่ เพื่อให้ปรับให้เหมาะสม แต่ส่วนใหญ่ที่เข้ามาก็จะผ่านระบบ Test and go แบบไม่เข้าระบบกักตัวแล้ว เราก็จะให้ทางกรรมการวิชการดูสถานการณ์ต่างประเทศที่เริ่มดีขึ้น เพื่อดูว่าเราจะผ่อนอะไรได้บ้าง คาดว่าสัปดาห์นี้จะได้คำตอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ D-M-H-T-T ได้แก่ D : Social Distancing เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร เลี่ยงการอยู่ในที่แออัด M : Mask Wearing สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา H : Hand Washing ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ T : Testing การตรวจวัดอุณหภูมิและตรวจหาเชื้อโควิด 19 ในกรณีที่มีอาการเข้าข่าย T: Thai Cha Na สแกนไทยชนะก่อนเข้า-ออกสถานที่สาธารณะทุกครั้ง เพื่อให้มีข้อมูลในการประสานงานได้ง่ายขึ้น

ข่าวเกี่ยวข้อง : สธ.เปิดแผน 1 ก.ค.65 โควิดออกจากโรคระบาด เข้าสู่โรคประจำถิ่น

 *สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org