ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุขเผยติดโควิดปอดอักเสบ เสียชีวิต แนวโน้มสูงขึ้น เร่งฉีดวัคซีนเข้มกระตุ้นกลุ่มเสี่ยง  ล่าสุดมีเพียง 7 จ.ฉีดเกินเป้า 70%  ส่วนที่ฉีดมากกว่า 60% เช่น เชียงราย แพร่ อยุธยา ชลบุรี และ ยโสธร  ขอประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงมาฉีดบูสเตอร์โดส

 

เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)  พญ.สุมนี วัชระสินธุ์  ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค(คร.)  แถลงข่าวประเด็นสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากการตรวจ RT-PCR จำนวน 21,088 ราย ส่วน ATK จำนวน  10,884 ราย รวม 31,972 ราย อย่างไรก็ตาม มีผู้ที่ตรวจด้วยตัวเองแล้วเป็นบวกอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้ตัวเลขติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 5-6 หมื่นราย แต่ยังอยู่ในการคาดการณ์ของกระทรวงสาธารณสุข ขณะที่แนวโน้มผู้ป่วยอาการหนัก ใส่ท่อช่วยหายใจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และสงกรานต์ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก อัตราครองเตียงทั่วประเทศ 28.3% คิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนเตียงทั้งหมด แต่เทียบกับ เม.ย.ปี 2564 ถือว่าน้อยกว่ามาก แต่ว่าไม่ประมาท การไม่ติดเชื้อดีที่สุด ดังนั้น การป้องกันตัวเอง ฉีดวัคซีนโดยเฉพาะกลุ่ม 608 การสวมน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง เลี่ยงไปสถานที่เสี่ยง เป็นต้น  ไม่รับประทานอาหาร หรือดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกัน Covid Free Setting เนื่องด้วยเราเปิดประเทศ และไม่มีการล็อกดาวน์ งดการทำงาน ฉะนั้นมาตรการองค์กรจึงสำคัญ และ ATK 

 

พญ.สุมนี กล่าวว่า  โดยตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. – 5 เม.ย. รวม 7 วัน พบรายงานผู้เสียชีวิตรายใหม่มากกว่า 80 รายทุกวัน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีและมีโรคเรื้อรั้ง สำหรับรายงานผู้เสียชีวิตวันนี้ 91 ราย พบว่า ไม่ได้รับวัคซีนเลย 42  รายคิดเป็น 46% ได้รับ 1 เข็ม 9 รายคิดเป็น 10% ได้ครบ 2 เข็มนานกว่า 3 เดือน 31 รายคิดเป็น  34%  และได้รับครบ 2 เข็มยังไม่เกิน 3 เดือน 3%  และรับวัคซีน 3 เข็มแล้วอีก 6 รายคิดเป็น 7% นอกจากนี้ พบว่ามีทารกเสียชีวิตด้วย 2 ราย รายแรกเป็น เด็กชายอายุ 5 เดือน จ.ตราด ติดจากคนในครอบครัว มีอาการปอดอักเสบ และเด็กหญิง ชาวเมียนมา จ.สมุทรปราการ ติดเชื้อจากครอบครัว โดยมีอาการปอดอักเสบ

 

พญ.สุมนี กล่าวว่า การฉีดวัคซีนเป็นมาตรการที่สำคัญในช่วงนี้ คนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็ม 1 และเข็มกระตุ้น ขอให้ไปรับวัคซีนได้ ก่อนสงกรานต์  ทั้งนี้  จากข้อมูลการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ 70 % มี 7 จังหวัด คือ น่าน นนทบุรี  สมุทรปราการ ภูเก็ต มหาสารคาม ลำพูน และชัยนาท ส่วนที่ฉีดมากกว่า 60% เช่น เชียงราย แพร่ อยุธยา ชลบุรี และ ยโสธร  สำหรับวัคซีนอายุ 5-11 ปี มีจำนวนกว่า 5 ล้านคน ฉีดเข็มที่ 1 แล้ว 45.7% เข็มที่ 2 ฉีดแล้ว 1.3%  ซึ่งถือว่ายังน้อย โดยการระบาดโอมิครอนพบว่ามีรายงานติดเชื้อในเด็กอยู่ตลอด ดังนั้น ช่วงปิดเทอมนี้ ขอให้ผู้ปกครองพาเด็กไปรับวัคซีนให้มากขึ้น และขอความร่วมมือในการเลี่ยงพาบุตรหลานไปสถานที่เสี่ยง ช่วงปิดเทอมเลี่ยงร้านเกมส์ เพราะอากาศไหลเวียนไม่ดี และขอความร่วมมือร้านเกมส์ลดความแออัดภายในร้าน จำกัดชั่วโมงการเล่น

 

พญ.สุมนี กล่าวถึงกลุ่มเด็กที่ติดเชื้อมากขึ้นว่า แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ ช่วงอายุ 5-12 ปี เป็นวัยที่เข้าโรงเรียนแล้ว และมีกิจกรรมเจอกับเพื่อน จึงมีรายงานติดเชื้อเพิ่มเป็นระยะ กลุ่มนี้ฉีดวัคซีนได้ แต่พบฉีดเข็มแรกไม่ถึง 50 % และเข็มสองไม่ถึง 5 % ทำให้ภูมิคุ้มกันยังน้อย อีกทั้ง เชื้อมีการพัฒนาตลอด ในกลุ่มนี้ที่ติดเชื้อพบ 60% มีโรคประจำตัว จึงเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อยากเน้นย้ำให้พ่อแม่พาไปรับวัคซีน  ส่วนเด็กเล็กต่ำกว่า 5 ปี เป็นกลุ่มที่ยังไม่สามารถรับวัคซีน ดังนั้นมาตรการส่วนบุคคลของพ่อแม่และผู้ดูแลเป็นสิ่งสำคัญที่จะป้องกันเด็กกลุ่มนี้ไม่ให้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งที่ฝากย้ำเตือนคือช่วงนี้เด็กปิดเทอม และมักมีกิจกรรมรวมกลุ่มในร้านเกมส์ เป็นอีกสถานที่เสี่ยง เนื่องจากเป็นพื้นที่ปิด แออัด ระบบอากาศไหลเวียนไม่ดี จึงขอความร่วมมือพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรให้เด็กไปเล่น ขณะเดียวกันขอความร่วมมือผู้ประกอบการคำนึงความปลอดภัย เช่น ลดจำนวนเครื่อง จำกัดเวลาการเล่นของเด็กเพื่อความลดความเสี่ยง

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org