ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ส่งทีมพนักงานเจ้าหน้าที่ลุยตรวจคลินิกย่านรามคำแหง หลังสาวร้องแพทย์ผู้ให้บริการมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ลวนลาม กระทำอนาจารผู้รับบริการ คาด 1 สัปดาห์รู้ผล พร้อมเตือนสถานพยาบาลเอกชนทุกแห่ง เข้มมาตรฐานความปลอดภัย จัดให้มีบุคคลที่ 3 ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับผู้ให้บริการทุกครั้ง ป้องเหตุไม่คาดคิด

จากกรณี ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลของหญิงสาวรายหนึ่งว่า  ได้เข้ารับบริการรักษาอาการต่อมทอนซิลอักเสบ กับคลินิกแห่งหนึ่งในย่านรามคำแหง และถูกแพทย์ผู้ให้บริการกระทำการในลักษณะเข้าข่ายอนาจารระหว่างรักษา อีกทั้งเมื่อตนมีการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวบนสื่อโซชียลก็พบว่ามีผู้ที่ถูกละเมิดในลักษณะเดียวกันจากแพทย์รายดังกล่าว นั้น

(ข่าวเกี่ยวข้อง : สบส.เตรียมส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคลินิกลวนลามคนไข้ ขอผู้เสียหายส่งข้อมูลเพิ่มเติม!)

เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2565 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว  สบส.ได้ส่งพนักงานเจ้าหน้าที่จากกองกฎหมาย กองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ดำเนินการร่วมกับแพทยสภา ตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ คลินิกที่ถูกกล่าวอ้าง ซึ่งคาดว่าจะทราบผลการตรวจสอบได้ภายใน 1 สัปดาห์ และเพื่อป้องกันมิให้เกิดการกระทำผิดในลักษณะเจ้าหน้าที่ลวนลาม หรือกระทำการอนาจารผู้รับบริการเกิดขึ้นอีก   สบส.ขอเน้นย้ำให้ ผู้ประกอบกิจการ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาล เข้มมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้รับบริการ โดยเฉพาะ ในพื้นที่ของห้องตรวจโรคที่พื้นที่ปิดมิดชิด จะต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ชาย หรือหญิงในฐานะบุคคลที่ 3 คอยเฝ้าระวัง ดูแล ระหว่างการรักษาพยาบาลตามความเหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่ผู้รับบริการเป็นหญิงก็ควรจะจัดให้มีเจ้าหน้าที่หญิงร่วมดูแลระหว่างรับบริการ ไม่ควรปล่อยให้อยู่เพียงลำพังกับเจ้าหน้าที่ชาย หากพบว่ามีการปล่อยปละ ละเลย ให้มีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด กรม สบส.จะดำเนินการเอาผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 โดยทันที

ด้าน นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดี สบส. กล่าวต่อว่า  ในกรณีดังกล่าวหากพบมีความผิดจริง จะแบ่งออกเป็น 2 กรณี ได้แก่ 1.ความผิดทางอาญาของตัวผู้กระทำผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการ และ 2.ความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 34 (2) กับตัวผู้ดำเนินการสถานพยาบาลในฐานไม่ควบคุม ดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบวิชาชีพของตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 34 (4) ฐานไม่ควบคุม ดูแลสถานพยาบาลให้สะอาด เรียบร้อย ปลอดภัย และมีลักษณะเหมาะสม ซึ่งมีระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท อีกทั้ง จะมีคำสั่งตามมาตรา 50 ให้ปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราว 30 วันอีกด้วย  ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับอันตรายจากบริการทางการแพทย์ของสถานพยาบาลเอกชน ก็สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรม สบส. 1426 เพื่อตรวจสอบให้ความเป็นธรรม และนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org