ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับพื้นที่สีใหม่สอดล้องสถานการณ์ระบาดโควิด-19 แนวโน้มดีขึ้น จ่อเสนอที่ประชุม ศบค. 20 พ.ค.65 พิจารณาปรับพื้นที่สีเขียวอนุญาตเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ แต่พื้นที่ไหนยังไม่ชัดเจน 

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2565 แหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด – 19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ประมาท ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ทางกระทรวงสาธารณสุขมีการหารือกันเกี่ยวกับการดูแลถานการณ์ เบื้องต้นอยู่ระหว่างการพิจารณาการปรับพื้นที่สีใหม่ โดยเป็นไปในทางบวก 

"จะมีการปรับพื้นที่สีเขียว ที่จะอนุญาตให้เปิดผับ บาร์ คาราโอเกะได้ แต่จะเป็นพื้นที่ไหนบ้าง และมีกี่พื้นที่นั้นขอยังไม่เปิดเผย เพราะยังไม่แน่นอน ยังอยู่ในการพิจารณากัน ซึ่งจะเสนอเข้าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 (ศบค.) ในวันที่ 20 พ.ค.นี้ " แหล่งข่าวฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย  ได้ออกมาเปิดเผยว่าภาคธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจกลางคืนต้องการให้มีการเปิดผับ บาร์ นำร่องใน 28 จังหวัดท่องเที่ยว เริ่ม 1 มิ.ย.นี้ เพื่อขับเคลื่อนภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ครอบคลุมตั้งแต่พ่อครัว นักดนตรี ตลกโชว์ รวมถึงรถรับจ้าง ให้สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ซึ่งหากเปิดได้จะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการแบ่งพื้นที่จังหวัดออกเป็น 2 สี คือ สีเหลือง 65 จังหวัด และสีฟ้า 12 จังหวัด

พื้นที่สีเหลือง ประกอบด้วย  กาฬสินธุ์ กําแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย ตรัง ตราด ตาก นครนายก นครปฐม นครพนม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นราธิวาส น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี  พระนครศรีอยุธยา พะเยา พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน  ยโสธร ยะลา ร้อยเอ็ด ระนอง ราชบุรี ลพบุรี ลําปาง ลําพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระแก้ว สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลําภู อ่างทอง อํานาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์ อุทัยธานี และ อุบลราชธานี

ส่วนพื้นที่สีฟ้า ประกอบด้วย  กรุงเทพมหานคร กระบี่ กาญจนบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ นนทบุรี ปทุมธานี พังงา เพชรบุรี ภูเก็ต ระยอง และ สงขลา

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org