ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรคย้ำ! ประสิทธิผลการฉีดวัคซีนโควิด19 ผู้สูงอายุต้องเข็ม 3 ป้องกันติดเชื้อได้ 15% ป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิต 93% หากฉีดเข็ม 4 จะยิ่งป้องกันอัตราตายสูง ขอให้ผู้สูงวัยฉีดบูสเตอร์ตามกำหนด  พบส่วนใหญ่ไม่มา เหตุคิดว่า 2 เข็มเพียงพอ ซึ่งไม่จริง  ชี้ สธ.ยังไม่ได้กำหนดถอดแมสก์ ต้องประเมินรายพื้นที่ ร่วมปัจจัยอื่น ทั้งสถานการณ์ การฉีดบูสเตอร์เกิน  60-70%

เมื่อวันที่  25 พ.ค.2565 นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ศูนย์ประเมินประสิทธิภาพประสิทธิผลวัคซีน กรมควบคุมโรค ได้ศึกษากลุ่มที่มีการฉีดวัคซีนทุกสูตรในประเทศไทย เทียบกับคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน ในช่วง 3 เดือนแรกปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน โดยกลุ่มตัวอย่าง คือ คนที่ตรวจ ATK และ PCR เป็นลบ กว่า 5 แสนราย  พบว่า

 
- คนที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 2 เข็ม แทบจะป้องกันการติดเชื้อไม่ได้เลย ยกเว้นคนที่เพิ่งฉีดใหม่ๆ แต่พบว่าป้องกันอาการรุนแรง และเสียชีวิตได้ 75% 

-  คนที่ฉีด 3 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อได้ 15%   แต่ป้องกันป่วยหนักต้องใส่ท่อช่วยหายใจและเสียชีวิตได้ 93%  

-  คนที่ฉีด 4 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อได้สูงขึ้น และป้องกันการป่วยหนักต้องใส่ท่อช่วยหายใจและเสียชีวิตได้มากถึง 96% ซึ่งในช่วง 3 เดือนที่สำรวจนั้นคนฉีดเข็ม 4 แล้วไม่มีรายงานการเสียชีวิตเลย

 

“การศึกษาครั้งนี้เป็นการยืนยันว่าวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยทุกสูตร มีประสิทธิผลสูงในการป้องกันการป่วยและเสียชีวิต เมื่อมีการวิเคราะห์ย่อยลงไปถึงสูตรที่มีการฉีดในประเทศไทย ทุกสูตร 3 เข็ม ป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ ไม่แตกต่างกัน ดังนั้นท่านไว้วางใจได้จะทำให้มั่นใจในการใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากเราอยากเปิดประเทศอยากกลับไปใช้ชีวิตปกติ ไม่อยากเห็นการป่วยเข้าโรงพยาบาล จึงต้องฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดโดยเฉพาะการฉีด 3 เข็มขึ้นไปเพื่อป้องกันการป่วยรุนแรง” นพ.ทวีทรัพย์ กล่าว 

ทั้งนี้ นพ.ทวีทรัพย์ กล่าวอีกว่า  สำหรับการเปิดหน้ากากอนามัยนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้กำหนดว่าจะเริ่มวันไหน แต่ประเมินเป็นรายพื้นที่ และต้องพิจารณาสถานการณ์ที่ดีขึ้น รวมถึงมีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเกิน 60-70%

ในหลายประเทศที่มีการเปิดหน้ากากอนามัยเปิดประเทศกันนั้น พบว่าประชากรของเขามีการฉีดวัคซีนไปแล้วจำนวนมาก แต่จากข้อมูลการฉีด 3 เข็มขึ้นไป ในประเทศไทยนั้นพบว่าในคนทั่วไปฉีดแค่ 40%  เหลืออีกจำนวนมากที่ต้องมาฉีด ผู้สูงอายุฉีดแค่ 43% เหลืออีกกว่า 6 ล้านคนที่ต้องฉีด ซึ่งคนที่ไม่ยอมฉีดนั้นพบว่า ได้รับสองเข็มก็เพียงพอแล้ว  จึงต้องย้ำว่ายังไม่พอ เพราะโอมิครอนความรุนแรงลดลงในคนที่สุขภาพดี คนที่ฉีดวัคซีนครบ แต่คนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 คนที่ฉีดวัคซีนยังไม่ครบนั้น โอมิครอนถือว่ายังมีความรุนแรงอยู่ 2.ไม่ฉีดเพราะกลัวผลข้างเคียง ก็ต้องย้ำว่าจากการฉีดวัคซีนจำนวนมาก ไม่พบผลข้างเคียงรุนแรง และส่วนใหญ่หายได้เอง จึงขออย่ากังวล ขอให้พากลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุมาฉีดวัคซีน เพื่อให้การเปิดประเทศมีความปลอดภัย  

 
เมื่อถามว่าหากโควิดเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว แผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดของไทยจะเป็นอย่างไร นพ.ทวีทรัพย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการหารือกันต่อไป โดยพิจารณาเรื่องของสถานการณ์การระบาด สายพันธุ์ที่มีการระบาด ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนที่ฉีดนั้นอยู่ได้นานแค่ไหน ซึ่งตอนนี้มีรายงานว่าสูงสุดคือ 6 เดือน