ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค บุกรวบ น.ส.แนน หมอเถื่อนเจ้าเดิม แอบอ้างเอกสารแพทย์จริงไปให้บริการตามคลินิก สร้างความเสียหายให้ผู้รับบริการหลายรายตั้งแต่ปี 2556 ถึงปัจจุบัน พบมีคดีติดตัวถึง 13 คดี แถมเพิ่งพ้นโทษจำคุก แต่กลับไม่สำนึกยังคงทำผิดซ้ำเช่นเคย  

วันนี้ (26 พฤษภาคม 2565) ณ กองบังคับการปราบปราม นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข  ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่กรม สบส.ได้รับการประสานจากตำรวจกองกำกับการ 4  กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (กก.4 บก.ปคบ.) ในการติดตามจับกุม น.ส.ณัฐชานันท์ (สงวนนามสกุล) หรือรู้จักกันในชื่อ น.ส.แนน อายุ 30 ปี ซึ่งมีพฤติการณ์แอบอ้างเอกสารของแพทย์จริงไปสมัครงานตามคลินิกต่างๆ จนเกิดผลกระทบกับผู้รับบริการหลายราย แม้จะเคยถูกจับกุมมาก่อนหน้านี้ก็ไม่สำนึกกลับออกมากระทำผิดในรูปแบบเดิมอีก อันแสดงให้เห็นถึงการขาดความสำนึก และยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรม สบส.จึงมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมายติดตามการดำเนินคดีดังกล่าวร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิด เพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว จนในวันที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ.ก็สามารถจับกุมตัว  น.ส.แนน ได้ที่บ้านพักย่านจรัญสนิทวงศ์ โดยจากการตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่ปี 2556 ถึงปัจจุบัน น.ส.แนน มีคดีติดตัวถึง 13 คดี ส่วนใหญ่เป็นคดี ในการหลอกลวงเอกเอกสารของผู้อื่นไปทำธุรกรรม หรือนำเอกสารของแพทย์จริงไปสวมรอยประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามคลินิกต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ น.ส.แนน ก็เคยต้องโทษจำคุกไปแล้ว แต่เมื่อพ้นโทษออกมาเมื่อปี พ.ศ. 2564 ก็ยังคงมีพฤติการณ์กระทำผิดซ้ำอีกเช่นเคย

เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต (หมอเถื่อน) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับกับ น.ส.แนน ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนต่อไป  

นพ.ภานุวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับบทลงโทษตามกฎหมาย ในกรณีที่พบหมอเถื่อนให้บริการในคลินิกนั้น นอกจากบทลงโทษตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 กับหมอเถื่อนแล้ว ตัวผู้ดำเนินการสถานพยาบาลก็จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ตามมาตรา 34 (1) ในฐานปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจจะมีคำสั่งตามมาตรา 50 ให้ปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราว 30 วัน อีกด้วย จึงขอเน้นย้ำกับผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ให้เข้มงวดในการตรวจสอบประวัติ และเอกสารหลักฐานในการรับสมัครผู้ให้บริการ ซึ่งอาจจะต้องมีการตรวจสอบจากเอกสารฉบับจริงและหมายเลขโทรศัพท์เพื่อยืนยันว่าผู้สมัครมิได้มีการแอบอ้างนำหลักฐานของบุคคลอื่นมาสมัครงาน