ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศดีขึ้นตามลำดับ โดยคณะกรรมการประมวลสถานการณ์โควิด 19 (MIU) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในไทยปรับตัวดีขึ้นมาก ขณะที่ความรุนแรงของเชื้อลดลง และระดับภูมิคุ้มกันของประชาชนอยู่ในระดับสูงขึ้นมาก แต่ยังจำเป็นต้องเฝ้าระวังต่อเนื่องและขอความร่วมมือประชาชนกลุ่มเสี่ยง ผู้มีโรคประจำตัวและผู้สูงอายุเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อลดโอกาสอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต ขณะนี้ สถานการณ์เริ่มทรงตัว และมีแนวโน้มดีขึ้น หลายโรงพยาบาลเริ่มทยอยยุบวอร์ดรักษาโควิด-19 และกลับมารักษาผู้ป่วยโรคอื่น ๆ รวมทั้งสามารถทำการรักษาผ่าตัดมากขึ้น คาดว่าจะมีการปรับเข้าสู่ระบบปกติเร็ว ๆ นี้ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขไม่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ที่รุนแรงอีก

นายธนกรกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้ ไทยจะปรับมาตรการเดินทางเข้าประเทศอีกครั้งตามมติ ศบค. โดยยกเลิกการกักตัวทุกรูปแบบ สำหรับคนไทยไม่ต้องลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass และไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเข้าประเทศ แต่ชาวต่างชาติยังต้องลงทะเบียนในระบบดังกล่าว โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนตามข้อกำหนด ให้แนบหลักฐานวัคซีนพร้อมกับเอกสารประกันสุขภาพวงเงินขั้นต่ำ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนกรณีที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือรับวัคซีนไม่ครบตามข้อกำหนด ให้แสดงหลักฐานการตรวจโควิด-19 ได้ทั้งแบบ Professional ATK หรือ RT-PCR ที่ออกภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ขณะที่จุดผ่านแดนทางบกทุกจุดก็จะเปิดภายในวันที่ 1 มิถุนายนนี้

 “รัฐบาลโดย ศบค. ได้ปรับมาตรการเดินทางเข้าประเทศตามสถานการณ์มาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ก็ได้ยกเลิก Test & Go ไปแล้ว ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก โดยสถิติผู้เดินทางเข้าประเทศในเดือน พ.ค.65 เฉลี่ยถึงวันละ 20,000 คน ทั้งหมดนี้จึงไม่ตรงกับสิ่งที่ฝ่ายค้านพยายามพูดว่ารัฐบาลละเลยภาคการท่องเที่ยว นอกจากนี้จากแนวโน้มการฟื้นตัวที่เริ่มเห็นชัด ททท.จึงคาดการณ์ว่าในช่วงโลว์ซีซั่น ตั้งแต่ พ.ค.-ก.ย. จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยไม่น้อยกว่า 500,000 คนต่อเดือน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตลาดระยะใกล้ ส่วนช่วงไฮซีซั่นซึ่งตรงกับไตรมาสที่ 4 ตั้งแต่ ต.ค.-ธ.ค. จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน เพิ่มตลาดระยะไกลทั้งยุโรปและสหรัฐฯ และหวังจะเห็นนักท่องเที่ยวจีน เริ่มกลับมาไทยปลายปีนี้ต่อไปถึงเทศกาลตรุษจีนปี 2566 ซึ่งจะส่งผลให้ตลอดปี 2565 มีโอกาสสูงที่นักท่องเที่ยวจะมาไทย 7-10 ล้านคน สร้างรายได้รวม 1.5 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นการฟื้นตัว 50% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนวิกฤตโควิด-19” นายธนกร กล่าว

นายธนกรกล่าวอีกว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นแอย่างเห็นได้ชัดคือกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ในช่วงจากต้นปีที่ผ่านมามีจำนวนมากกว่าหนึ่งแสนคน ด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเชื่อมั่นว่าในปี 2565 จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทยถึง 5 แสนคน สร้างรายได้เข้าไทยกว่า 22,500 ล้านบาท

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 24 พฤษภาคม 2565 นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยอันดับ 1 คือ อินเดีย จำนวน 100,884 คน ซึ่งการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศ มีเที่ยวบินรองรับการเดินทาง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดีย รวมทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย มีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมีแผนที่จะดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศอินเดีย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และประเทศที่มีพรมแดนติดกับไทย ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดระยะใกล้ในช่วงนี้ก่อน รวมทั้งกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีความสนใจพิเศษ ทั้งกลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กลุ่มคู่แต่งงานและฮันนีมูน กลุ่มท่องเที่ยวเชิงกีฬา และการท่องเที่ยวที่เน้นการจับจ่ายสินค้าหรูหรา (Luxury) รวมทั้งพลิกโฉม เปลี่ยนมุมมอง สร้างภาพจำด้านการท่องเที่ยวใหม่ ผ่านการดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพใหม่ ๆ และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม