ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

วันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคม "บุหรี่ทำลายสิ่งแวดล้อม" สสส.- ภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนพื้นที่ปลอดบุหรี่ 7 ประเภท หวังสร้างสิ่งแวดล้อมปลอดบุหรี่ให้คนไทยมีอากาศบริสุทธิ์ได้หายใจ พร้อมเร่งขับเคลื่อนการควบคุมยาสูบ ชี้คนไทยสูบบุหรี่ลดลงเหลือ 17.4% ใกล้บรรลุเป้ายุทธศาสตร์ชาติควบคุมยาสูบ ขีดเส้นลดคนสูบไม่เกิน 14% ในปี 2570   

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565  นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า วันงดสูบบุหรี่โลก ตรงกับวันที่  31 พฤษภาคมทุกปี โดยในปี 2565 นี้ องค์การอนามัยโลก กำหนดประเด็นรณรงค์คือ "บุหรี่ทำลายสิ่งแวดล้อม" ซึ่งถือเป็นปีแรกที่ประเด็นการรณรงค์เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม สสส. โดยแผนควบคุมยาสูบ มุ่งให้ความสำคัญในการสร้างสิ่งแวดล้อมปลอดควันบุหรี่ ถือเป็นเป้าหมายหลักในการทำงานขับเคลื่อนการควบคุมและลดผลกระทบจากบุหรี่

เพื่อคุ้มครองสุขภาพทั้งตัวผู้สูบบุหรี่ และผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ โดยมีผลลัพธ์จากการดำเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ทำให้เกิดการขับเคลื่อนพื้นที่รูปธรรมเขตปลอดบุหรี่ตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้ 1.โรงเรียนปลอดบุหรี่ 2.สถาบันอุดมศึกษาปลอดบุหรี่ 3.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปลอดบุหรี่ 4.สถานประกอบการปลอดบุหรี่ 5.วัดปลอดบุหรี่ 6.ชายหาดปลอดบุหรี่ และ 7.การขับเคลื่อนและผลักดันพื้นที่ปลอดควันบุหรี่ในอาคารชุด คอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เพื่อให้คนไทยมีอากาศบริสุทธิ์ได้หายใจ

“แม้การดำเนินงานควบคุมยาสูบของไทยมีความก้าวหน้า แต่อัตราการสูบบุหรี่ยังคงสูง ผลการสำรวจล่าสุดจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 พบคนไทย อายุ 15 ปีขึ้นไป เป็นผู้สูบบุหรี่ 9.9 ล้านคน คิดเป็น 17.4% ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป ผู้ชายสูบบุหรี่มากกว่าผู้หญิงถึง 20 เท่า แม้ผู้สูบบุหรี่จะมีแนวโน้มที่ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีผู้สูบบุหรี่ 10.7 ล้านคน แต่ยังบรรลุตามเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2565-2570) ที่กำหนดลดคนสูบบุหรี่ในประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป ไม่เกิน 14% ภายในปี 2570 รวมถึงเป้าหมายการลดปัจจัยเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Global NCDs Target) ที่กำหนดให้มีผู้สูบบุหรี่ไม่เกิน 15% ภายในปี 2568” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว

นางสาวรุ่งอรุณ กล่าวต่อว่า การดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายลดคนสูบบุหรี่ สสส. ซึ่งเป็นหนึ่งใน 34 หน่วยงานของคณะกรรมการตามแผนปฏิบัติการด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ สสส. จึงได้กำหนดแนวทางการขับเคลื่อนงานควบคุมยาสูบ ได้แก่ 1. สนับสนุนกลไกและหน่วยงานต่างๆ ให้ดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ มุ่งผลักดันให้กลไกการดำเนินงานควบคุมยาสูบในระดับจังหวัดมีความเข้มแข็ง

2. จัดทำข้อมูลความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อสร้างความรอบรู้ด้านยาสูบ โดยเฉพาะประเด็น Hot Issue เช่น ประเด็นบุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้ากับโรคโควิด-19 การปลูกพืชทดแทนใบยาสูบ 3. พัฒนาและสนับสนุนการสื่อสารสาธารณะ สนับสนุนให้เกิดการปฏิบัติตามนโยบาย มาตรการ กฎหมาย และสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคยาสูบ 4. ปกป้องการได้รับควันบุหรี่มือสองและมือสาม รวมถึงการรณรงค์บ้านและครอบครัวปลอดบุหรี่ และ 5. พัฒนาและขยายเครือข่ายนักรณรงค์ในระดับพื้นที่ ผ่านท้องถิ่น (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ท้องที่ (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน) และชุมชน รวมทั้งสื่อมวลชนท้องถิ่น  

“สิ่งที่ สสส. มุ่งมั่นทำงานขับเคลื่อนและรณรงค์ให้สังคมไทยปลดควันบุหรี่มาตลอด 20 ปี  ด้วยอยากเห็นว่า อนาคตสังคมไทยเป็นสังคมปลอดบุหรี่ได้ หากทุกคนช่วยกัน เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ให้ความสำคัญกับการมีอากาศบริสุทธิ์ได้หายใจและไม่ทำลายสุขภาพ สสส. เห็นคุณค่าของทุกคน เราไม่ควรทำร้ายกันด้วยควันบุหรี่” รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าว