ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลอุดรธานี-เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางอุดรธานี ได้รับเงินพิจารณาช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีติดเชื้อโควิด-19 จากผู้ป่วย ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีผู้ให้บริการได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุข

น.ส.กิตติกาญจน์ ปิ่นสูญ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลอุดรธานี เปิดเผยว่า เมื่อเดือน ต.ค. ปีที่ผ่านมาได้ให้บริการผู้ป่วยรายหนึ่ง และเพิ่งทราบว่าติดเชื้อโควิด-19 ภายหลังจากการให้บริการ ซึ่งหลังจากนั้น 2-3 วันก็รู้สึกมีอาการไข้ น้ำมูกไหล จึงได้เข้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลและก็ทราบว่าผลเป็นบวก และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอุดรธานี 

ขณะนั้นก็เริ่มมีอาการไอ มีไข้ แต่เมื่อเอกซเรย์พบว่าเชื้อยังไม่ลงปอด แต่ก็จำเป็นต้องเอกซเรย์บ่อยอยู่บ่อยครั้ง เพราะในตอนนั้นเป็นเชื้อสายพันธุ์เดลต้า ในช่วงระหว่างการรักษาก็รับยาฟาวิพิราเวียร์ ส่งผลให้ในวันที่ 3 ของการรักษาเริ่มมีอาการดีขึ้น และย้ายออกจากโรงพยาบาลไปรักษายังสถานที่ที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการดีขึ้น 

น.ส.กิตติกาญจน์ กล่าวว่า หลังจากรักษาตัวจนหายก็ได้ทราบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานตรวจสอบสิทธิว่าสามารถยื่นขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีผู้ให้บริการได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุขของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ ซึ่งก็จะมีคณะอนุกรรมการพิจารณาจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้

 อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ก็แนะนำว่าเกณฑ์การจะยื่นเรื่องขอเงินช่วยเหลือเบื้องต้นนั้นจะต้องติดเชื้อโควิด-19 จากผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ซึ่งตนเองก็เข้าเกณฑ์ดังกล่าวจึงได้รับช่วยเหลือเป็นเงินจำนวน 1.2 หมื่นบาท นอกจากนี้ต้องนำเอกสารการรักษาของผู้ป่วย และเอกสารการรักษาของตนเองเพื่อประกอบการพิจารณาว่าติดเชื้อจากการดูแลผู้ป่วยจริง

“ตอนที่ไม่ได้เป็นคนไข้โควิดไม่รู้เลยว่ามีการช่วยเหลือตรงนี้ แต่พอรู้แล้วก็รู้สึกดีใจว่ามีการดู และไม่ได้ทอดทิ้งเราตอนที่เราเจ็บป่วย รู้สึกว่ายังมีหน่วยงานนี้ที่คอยดูแลเรา” น.ส.กิตติกาญจน์ ระบุ 

ด้าน นางกมลชนก โมรารัตน์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายฝึกวิชาชีพเรือนจำกลางอุดรธานี กล่าวว่า ตนเองได้รับเชื้อจากการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรการของกรมราชทัณฑ์ โดยเมื่อเดือน ส.ค. ปีที่ผ่านมาก็ได้มีการเรียกตรวจคัดกรองผู้ต้องขังหญิงที่ทำงานใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ เช่น ผู้ช่วยงานธุรการ ฝ่ายทำอาหาร ฯลฯ จำนวน 24 ราย และพบว่ามีผลบวก 2 ราย 

จากนั้นเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลในเรือนจำก็ได้ประสานไปยังโรงพยาบาลอุดรธานีเพื่อนำผู้ต้องขังหญิงติดเชื้อจำนวน 2 รายเข้ารักษาในโรงพยาบาล ซึ่งในวันถัดมาทางเรือนจำก็ได้ประสานไปยังโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อขอให้มีการตรวจเชิงรุกผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำทั้งหมด เป็นจำนวนกว่า 500 ราย ซึ่งพบเป็นบวกทั้งหมดเป็นจำนวนราว 200 ราย 

ขณะนั้นมีการปรับโรงเรือนที่ 3 เป็นโรงพยาบาลสนาม และเริ่มย้ายผู้ต้องขังที่ติดเชื้อจากเรือนนอนไปยังโรงพยาบาลสนาม ส่วนผู้ต้องขังติดเชื้อที่เป็นกลุ่มเปราะบางก็ได้มีการประสานโรงพยาบาลเพื่อนำเข้ารักษาต่อในโรงพยาบาลต่อไป 

“ช่วงท้ายๆ ก็มีการตรวจหาเชื้อในเจ้าหน้าที่ด้วยก็ปรากฏว่าพบผู้คุมทั้งหมดที่เข้าเวรพบเชื้อโควิด 5 ราย เนื่องจากตอนนั้นไม่ออกจากเรือนจำเลยเป็นเวลา 7 วัน” นางกมลชนก ระบุ 

นางกมลชนก กล่าวต่อไปว่า ช่วงที่รู้ว่าติดเชื้อโควิด-19 ก็ยังไม่ได้ออกจากเรือนจำเนื่องจากต้องคุมผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ แต่ระหว่างนั้นพยาบาลในเรือนก็ได้มีการประสานขอยาฟาวิพิราเวียร์ไว้ให้ จนช่วงต้นเดือน ต.ค. ปีที่ผ่านมาก็ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลออุดรธานีแต่ไม่พบว่ามีเชื้อลงปอด จึงย้ายไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลสนาม

ภายหลังจากรักษาหาย พยาบาลเรือนจำจึงได้แนะนำว่าหากติดเชื้อจากการทำงานสามารถยื่นเอกสารเพื่อขอเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจาก สปสช.ได้ ตนเองและเจ้าหน้าที่ที่ติดเชื้อจึงเริ่มศึกษาและติดต่อไปที่ สปสช. เขต 8 อุดรธานีเพื่อขอรายละเอียด ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าจะต้องใช้เอกสารประวัติการรักษาของผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ และประวัติการรักษาของตนเอง จากนั้นจึงส่งให้ผู้บัญชาการเรือนจำลงชื่อรับทราบ

“เร็วมากรอไม่ถึงเดือนก็ได้รับเงินเยียวยาประมาณ 12,500 บาท เราไม่เคยคิดเลยว่าจะได้รับเงินเยียวยาตรงนี้ เห็นพยาบาลเรือนจำบอกว่าเจ้าหน้าที่ สปสช. หรือไม่ก็เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเป็นคนแนะนำมา ก็เลยแนะนำต่อๆ กัน ไม่คิดว่าจะมีหน่วยงานมาให้เรา เราดีใจมาก” นางกมลชนก ระบุ 

อนึ่ง เรือนจำกลางอุดรธานีได้รับการประเมินสถานพยาบาลเรือนจำให้เป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ เทียบเท่ากับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โดยมีโรงพยาบาลอุดรธานีเป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org