ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

หมอจุฬาฯ เผย ต้องรับวัคซีน 3 เข็มก่อนเข้าสู่โรคประจำถิ่น เดินหน้าพัฒนาชุดตรวจอาการ ‘ลองโควิด’

วันที่ 3 มิถุนายน 2565 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยที่กำลังจะเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น ว่า โควิด-19 ใกล้จะเป็นโรคประจำถิ่นด้วยเหตุผล 2 ประการคือ ไวรัสมันอ่อนกำลัง แต่คำว่าอ่อนกำลังนั้นประกอบด้วย คนที่ได้รับวัคซีน หรือคนที่เคยติดเชื้อ ประกอบกับได้รับวัคซีนทั่วไป เลยดูว่าอ่อนกำลัง 

“แต่ถ้าโอมิครอนเฉยๆ เข้าไปเจอกับคนที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย โอมิครอนอาจจะน่ากลัวมากกว่า เพราะฉะนั้นคำว่า ประจำถิ่น หรือเกือบจะประจำถิ่น มันมีตัวแปรคือ ไวรัส และคนที่ได้รับวัคซีน ซึ่งคนที่ได้รับวัคซีนจริงๆ แล้วต้องได้รับในระดับ 3 เข็ม เพราะในต่างประเทศเองก็เพียงพอ ก็จะทำให้มีความปลอดภัยระดับหนึ่ง” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามที่เราไม่ชอบเลยคือ อาการลองโควิด อย่างในกลุ่มพวกเดลต้า ดูจะมีอาการรุนแรง จบก็จบ หายก็หายไม่มีอาการต่อเนื่อง แต่ในโอมิครอนเอง พอหายแล้วก็จะมีอาการประหลาดๆ กลับขึ้นมาอีก แต่ในขณะนี้ก็ได้รับทุนของสำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) มาประเมินเรื่องนี้ และพัฒนาชุดตรวจ ในขณะเดียวกันคือ ดูว่าใครที่ยังมีแนวโน้มว่าจะมีลักษณะของอาการลองโควิดต่อเนื่องไปนาน และกระทบต่อสมองแค่ไหน ซึ่งตอนนี้เราสามารถตรวจพิษที่อยู่ในสมองได้

นอกจากนี้ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวอีกว่า อันนี้เราน่าจะเป็นที่แรกๆ เลยด้วยซ้ำที่สามารถพัฒนาการตรวจภาวะที่ทำให้เกิดสมองเสื่อมแบบนี้ และเราได้ลองเอาใช้ในประชาชนทั่วไปแล้ว สำหรับประชาชนที่สงสัยว่าจะสมองเสื่อมหลังจากหายจากโควิด-19 แต่กลไกที่เราเริ่มใช้ขณะนี้เริ่มคัดกรองไปแล้วกว่า 50 ราย และจะนำไปใช้ในการตรวจคนที่มีอาการลองโควิด ที่มีอาการทางสมอง หรือไม่มีอาการทางสมองก็ตาม

เพราะว่าเจ้าขยะโปรตีนพิษเหล่านี้ มันจะเริ่มเข้าไปสะสม เราก็จะทำการศึกษาว่าคนที่อายุ 30-40 ปี ไม่ควรจะมีโปรตีนชนิดนี้อยู่ ไปสะสมในสมอง ซึ่งแปลว่าสมองจะแก่เร็วกว่าคนธรรมดา