ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"อนุทิน" ตอบประเด็นวัคซีนโควิด19 กรณีข้อเสนอแนะชมรมแพทย์ชนบท ชี้ยินดีรับฟัง แต่หากเข้าใจด้วยข้อมูลไม่ครบต้องสื่อสารให้ทราบ ล่าสุดทำความเข้าใจแล้ว ต้องไม่ถือโทษกัน ทุกอย่างทำเพื่อประชาชน ย้ำ! วัคซีนเป็นของมีค่า ไม่ใช่ขยะ ขอประชาชนมั่นใจมารับบูสเตอร์ จัดวัคซีนบริการที่ รพ.สต. มีเหตุผล มีหลายชนิด ไม่มีฉีดชนิดเชื้อตาย ขณะที่บุคลากรพื้นที่โอด! ทำเต็มที่แล้ว เขาไม่ฉีด

ตามที่ชมรมแพทย์ชนบทออกมาระบุว่า วัคซีนป้องกันโควิดที่กระทรวงสาธารณสุขจัดส่งให้ทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) มีจำนวนมากล้นคลัง และไปรอหมดอายุที่ รพ.สต. โดยมีข้อเสนอให้ สธ.ยอมรับ และดำเนินการทำลายตามขั้นตอนนั้น ขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุข มีการสื่อสารให้ประชาชนเข้ารับบริการวัคซีนโควิด โดยเฉพาะเข็มกระตุ้น เนื่องจากพบว่าผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตยังเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับวัคซีนบูสเตอร์

(ข่าวเกี่ยวข้อง : ชมรมแพทย์ชนบทแนะสธ. แก้ปัญหาวัคซีนโควิดล้นคลัง อย่าส่งต่อ รพ.สต.)

จากกรณีดังกล่าวส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า สรุปแล้วต้องเชื่อจากฝั่งไหน และประชาชนควรฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นใช่หรือไม่....

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 8 มิ.ย.2565 ภายหลังการแถลงข่าว"Move on จากโควิด ใช้ชีวิตแบบมั่นใจ"  ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชัน  นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสธ. อีกทั้ง ยังได้เปิดเวทีให้ผู้สื่อข่าวซักถามในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดข้อเท็จจริงในสังคม 

นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังเร่งรณรงค์ให้ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิดมารับ เนื่องจากข้อมูลยังพบว่า ผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตมาจากไม่รับวัคซีนตามเกณฑ์ ซึ่งหากได้รับมากขึ้น การติดเชื้อการเสียชีวิตก็ลดลง มีข้อมูลชัดว่า วัคซีนเป็นปัจจัยช่วยในเรื่องประสิทธิภาพการควบคุมโรคได้ เรียกว่า มีความสัมฤทธิ์ผลตามเป้าหมายที่วางไว้ 

นายอนุทิน กล่าวว่า กรณีวัคซีนป้องกันโควิดไม่ใช่เหลือ ไม่ใช่เกิน บางคนพูดหนัก ว่าเป็นขยะ ว่าเอาขยะในบ้านไปไว้บ้านคนอื่น ต้องเรียนว่า คนที่เขียนมาก็คนในกระทรวงสาธารณสุขทั้งนั้น ไม่ใช่ขยะในบ้าน แต่คือทองคำ คือสิ่งมีค่า เราเอาไปไว้ในเครือข่ายเพื่อบริการประชาชน ไม่มีใครปัญญาอ่อนพอที่จะทิ้งวัคซีน เพราะเป็นของมีค่า ที่ควรเอาไปไว้ในร่างกายประชาชนเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด ลดอาการหนัก ที่สำคัญลดการเสียชีวิต นี่คือฤทธิ์ของวัคซีน ขยะคงไม่สามารถบันดาลให้เกิดสิ่งที่ดีเหล่านี้แก่มนุษย์ได้ 

" ขอให้ผู้บังคับบัญชาทำความเข้าใจเรื่องนี้แก่ผู้ปฏิบัติงานภายใต้บังคับบัญชาให้เข้าใจ  เพราะถ้ายังทำความเข้าใจกับคนในบ้านเราไม่ได้  เราก็จะสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจอย่างไร ดังนั้น ตามสายงาน จึงต้องขอให้ท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข ช่วยเรื่องนี้ คนไหนยังไม่เข้าใจ ช่วยเชิญตัวมาอธิบายให้เข้าใจ หรือมาฟังจากคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ในฐานะเป็นรัฐมนตรีฯ ผมขอให้คำยืนยันด้วยเกียรติยศทุกอย่างที่มี ว่า กระทรวงสาธารณสุขจัดวัคซีน จัดเวชภัณฑ์ จัดยา ทุกอย่างที่มีประโยชน์ มีสรรพคุณสามารถรักษาประชาชนได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคโควิดหรือโรคใด ๆ ก็แล้วแต่ ไม่มียาหยวน ๆ ที่เอามาใช้เพื่อบรรเทาอาการไปก่อน ลดอาการไปก่อน แล้วค่อยว่ากันทีหลัง มีแต่ยาที่เอามารักษาให้หายจากการเจ็บป่วย มีวัคซีนที่ป้องกันให้รอดพ้นจากการติดเชื้อทุกโรค ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชนเกิดความมั่นใจ" รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการสธ.กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีประชาชนไม่ยอมฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น จะทำอย่างไร เพราะขณะนี้บุคลากรหลายท่านพยายามสื่อสารเรื่องนี้แล้ว  นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า  เรื่องนี้เป็นนโยบายของท่านรองนายกฯ และรัฐมนตรีฯ ที่จะให้ประชาชนได้รับวัคซีนมากที่สุด เราก็ทราบว่า หลายคนไม่ยอมฉีด เพราะกังวลผลข้างเคียง และพอจะฉีดก็จะมีเรื่องการเดินทาง ไปในเมืองก็จะลำบาก ดังนั้น ท่านปลัดสธ. จึงพยายามให้แต่ละหน่วยเอาวัคซีนไปใกล้ประชาชน และให้แต่ละหน่วย แต่ละอำเภอ แต่ละจังหวัดคำนวนตัวเลขให้ชัดเจนว่า มีจำนวนต้องฉีดวัคซีนเท่าไหร่ และไปฉีดเชิงรุก 

"สรุปคือ 1.ต้องให้ความมั่นใจแก่ประชาชน 2.เอาวัคซีนไปหาประชาชน และ3. กำหนดเป้าหมายการฉีดให้ชัดเจน" นพ.โอภาส กล่าว

นายอนุทิน กล่าวเพิ่มว่า  เรื่องวัคซีนขอเน้นย้ำว่า ขอให้มั่นใจวัคซีนทุกชนิดที่กระทรวงสาธารณสุขนำมาให้ประชาชน เป็นวัคซีนมาตรฐาน ไม่มีเกรดเอ เกรดบี เกรดซีใดๆ ล้วนเป็นวัคซีนที่ได้รับการรับรององค์การอนามัยโลก และผ่านการขึ้นทะเบียนจากคณะกรรมการอาหารและยา ส่วนการจัดซื้อวัคซีนเรามีจัดหาให้เพียงพอกับประชากรทั้งประเทศ ทั้งคนไทย และต่างชาติ ถ้าเขามีถิ่นพำนักอาศัยในไทยเราก็ให้การดูแล แม้แต่คนตามแนวตะเข็บชายแดน 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่าขอย้ำวัคซีนไม่มีเหลือ ไม่มีล้น มีพอดีๆ การนำส่งหน่วยบริการ จนถึงหน่วยเล็กสุดของกระทรวงฯ หากจำได้ ตอนที่วัคซีนต้องฉีดตามโรงพยาบาลหลัก เพราะต้องติดตามอาการอยู่ครึ่งชั่วโมง เพื่อให้เกิดความมั่นใจก็เพื่อให้คนรับวัคซีนอยู่ใกล้สถานบริการมากที่สุด แต่เมื่อเราฉีดไปหลายสิบล้านโดสแล้ว ใกล้ๆร้อยล้านโดส ก็ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ที่ต้องใช้ทรัพยากรขนาดนั้นในการให้ประชาชนที่รับวัคซีนมารอ มีเจ้าหน้าที่สแตนบาย จึงมีการนำวัคซีนไปฉีดสถานพยาบาลย่อย ให้เจ้าหน้าที่นำวัคซีนไปฉีดผู้ป่วยติดเตียง ประชาชนห่างไกล ไปฉีดถึงบ้าน 

"เมื่อวัคซีนมีคนนำไป เราก็ต้องพยายามนำไปในที่ที่ประชาชนมารับได้สะดวกรวดเร็วที่สุด เพราะถ้าเปรียบเทียบอยู่ในเมืองใหญ่ ไปจุดไหนก็มี แต่เราต้องนึกถึงคนที่อยู่ต่างจังหวัด ตามเขาตามดอย เขาห่างไกลความเจริญ หากต้องนั่งรถมาในเมืองก็อาจจะผลัดวันประกันพรุ่ง แต่หากมาฉีดได้ที่ รพ.สต. ใกล้บ้านเขา  และวัคซีนมีทุกชนิด สามารถให้บริการได้ ทั้ง mRNA หรือไวรับเวกเตอร์ แต่เชื้อตายก็ไม่ได้ฉีดแล้ว เราก็ฉีดวัคซีนที่เหมาะสม ตรงนี้ทำให้มั่นใจว่า วัคซีนยังรอให้ประชาชนฉีดไม่ครบ มาฉีด ขออย่าเกรงกลัว" นายอนุทิน

** ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่มีการสื่อสารของบุคลากรกลุ่มเดิมเรื่องวัคซีนที่หมดอายุ หรือล้นคลัง จะต้องมีการนัดหารือ  หรือชี้แจงเรื่องนี้ต่อสาธารณชนอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ก่อนอื่น วัคซีนหมดอายุ เราไม่ฉีดให้ประชาชนอยู่แล้ว แต่เรามีข้อมูลทางการแพทย์ อย่างท่านเลขาฯ อย. จะเช็กไปทางผู้ผลิตวัคซีน จะมีการซัมมิทเอกสารให้ อย.พิจารณาว่า วัคซีนสามารถเลื่อนวันหมดอายุได้หรือไม่ ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ขนาดวัคซีนฝีดาษวานร เรายังต้องไปเอาวัคซีนทีเราเก็บไว้ตั้งแต่ปี 2523 ให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทดสอบก็ยังพบว่าแอคทีฟ ก็คล้ายกัน ทุกอย่างมีการตรวจสอบ และขอให้มั่นใจว่า ไม่มีการนำวัคซีนหมดอายุไปฉีดให้ประชาชนแน่นอน

 

"ส่วนเรื่องบุคลากรทางกระทรวงสาธารณสุขพร้อมรับฟังอยู่แล้ว อะไรที่มีเหตุผลเราพร้อมปฏิบัติ แต่ขอให้เป็นการวิพากษ์วิจารณ์เชิงสร้างสรรค์ แต่หากเป็นกลุ่มที่อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นชมรม หรือส่วนตัว หรือนอกเวลาราชการ อันนี้ไม่ได้ เพราะถือว่าต้องปฏิบัติตามนโยบายที่กระทรวงสาธารณสุขได้ทำไว้ ซึ่งการเรียกทำความเข้าใจนั้น ไม่ได้มีการลงโทษใดๆ สูญเสียบุคลากรปล่าวๆ แต่หากเป็นการให้ความเห็นที่ขาดข้อมูลที่เพียงพอหรือถูกต้อง หรือเป็นความเห็นที่หาข้อบกพร่องผู้บังคับบัญชา ก็จะเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา อย่างท่านปลัดสธ. รวมทั้งผู้บริหารทุกท่านต้องดำเนินการ" นายอนุทิน กล่าว 

รัฐมนตรีว่าการ สธ. ได้ยกตัวอย่างล่าสุด ว่า  เมื่อวานนี้ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ได้ลงโพสต์ว่า มีขยะอะไรแบบนี้ ซึ่งกรณีนี้ ท่านนพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ  ได้ใช้ความสนิทสนมไปทำความเข้าใจให้เกิดขึ้น จึงมีการลบโพสต์ออก แบบนี้เป็นการสร้างความเข้าใจให้เกิด ไม่ถือโทษกัน ต้องไม่เอาชนะกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสุขภาพของประชาชน

 

แหล่งข่าวแวดวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีปัญหามาก เนื่องจากวัคซีนที่ส่งมาส่วนหนึ่งก็มีซิโนแวค และอย่างในพื้นที่ภาคใต้ก็มีจริง มีการเคลียร์ตู้เย็นและส่งวัคซีนซิโนแวค กับอื่นๆมาจริง ตรงนี้เข้าใจได้ เพราะอยากให้มีการฉีดในประชาชน แต่อย่างซิโนแวค ไม่มีคนยอมฉีดเลย แม้แต่วัคซีนยี่ห้ออื่นยังไม่ยอมฉีด ยิ่งคนในพื้นที่ที่เขาไม่ได้ฉีดเข็มแรกอยู่แล้ว เขาจะไม่ยอมฉีด หรือคนที่ฉีดเข็มที่ 1 ก็จะฉีดเข็มที่ 2 แต่พอจะฉีดเข็มกระตุ้นหรือเข็ม 3 เขาจะไม่ยอมฉีดแล้ว เพราะมองว่าสถานการณ์สงบ จะเป็นโรคประจำถิ่น ที่สำคัญหลายคนติดโควิด ก็จะบอกว่ามีภูมิคุ้มกัน ไม่ยอมฉีด ซึ่งบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ทำงานหนัก สื่อสารอย่างไรเขาก็ไม่ฉีด

"คนไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด อย่างไรก็ไม่ยอมฉีดอยู่ดี เพราะการฉีดวัคซีนบังคับกันไม่ได้ มีความประสงค์ฉีดน้อยมาก เราก็พยายามสื่อสาร แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่ประสบความสำเร็จ จริงๆ มองว่าไม่มีแรงจูงใจสำหรับพวกเขาด้วย ตอนนี้ก็พยายามกันเต็มที่ทุกพื้นที่แล้ว" แหล่งข่าวฯ กล่าว
 

อ่านข่าวอื่นๆ : 

-"อนุทิน" ส่งสาส์นถึงบุคลากรสาธารณสุขทุกคน ปฏิบัติการเตรียมพร้อมเข้าสู่โรคประจำถิ่น

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org