ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

คณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ  แถลงสร้างความเข้าใจ "ปลดล็อกกัญชากัญชง" 9 มิ.ย.65  ไม่เป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดTHC เกิน 0.2% ย้ำ! มุ่งใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ดูแลสุขภาพ  สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ  ชี้ห้ามจำหน่าย 3 กลุ่ม "สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี"   พร้อมหารือสคบ.ป้องกันโฆษณาเชิงสันทนาการ

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2565 คณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ นำโดย นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ. เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีการปลดล็อกกัญชากัญชง  ใช้กัญชาอย่างเข้าใจ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 นี้

นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 2565 ทำให้ทุกส่วนของกัญชากัญชงไม่เป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดที่มีสาร THC เกิน 0.2% โดยน้ำหนักที่ยังคงเป็นยาเสพติด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขผลักดันมาตลอด คือ การนำกัญชา กัญชง มาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การดูแลสุขภาพ การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ให้แก่ประชาชน โดยไม่มีการสนับสนุนให้ใช้กัญชากัญชงในทางที่ไม่เหมาะสม  

สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีส่วนประกอบของกัญชากัญชงและสารสกัด CBD เช่น เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและตำรับยาไทย มากถึง 1,181 รายการ โดยผลการวิจัยของธนาคารกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี 2564 คาดว่าในปี 2569 ตลาดกัญชงจะเจริญเติบโตและมีมูลค่ามากถึง 15,000 ล้านบาท และอาจจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่านี้ เนื่องด้วยมีการประเมินมูลค่าตลาดกัญชาที่ถูกกฎหมายทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 500,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตมากกว่าร้อยละ 17 โดยกัญชาในอุตสาหกรรมทางการแพทย์และสุขภาพสร้างรายได้ถึงร้อยละ 70 ของมูลค่าทั้งหมด ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ เพื่อร่วมกันสื่อสารทำความเข้าใจการใช้กัญชากัญชงที่ถูกต้องกับประชาชน

นพ. เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชง โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ ส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย โดยได้นำตำรับยากัญชาบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว 8 ตำรับ นอกจากนั้นกัญชายังสามารถนำมาต่อยอดในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทำให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม รวมถึงเพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพของตนเอง  ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขเองได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับในเรื่องผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนในการนำกัญชากัญชงไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม เช่น ห้ามจำหน่ายให้ใช้ในสตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี การออกประกาศกำหนดให้กลิ่นควันกัญชากัญชงเป็นเหตุรำคาญ นโยบายนี้ไม่ครอบคลุมถึงการสูบหรือการบริโภคเพื่อความบันเทิงหรือนันทนาการ เพราะไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกระทรวงสาธารณสุข

นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ผู้ที่ต้องการปลูกกัญชา กัญชง สามารถปลูกได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่จะต้องมีการจดแจ้งผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ปลูกกัญ ของ อย. ที่จัดทำขึ้นและสามารถถอนการจดแจ้งได้เมื่อพบการกระทำความผิดที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ การจดแจ้งแอปพลิเคชันปลูกกัญนั้นเป็นไปเพื่อรักษาสิทธิของผู้ปลูกก่อนที่ พ.ร.บ.กัญชากัญชงจะประกาศบังคับใช้ โดยแจ้งตามวัตถุประสงค์การปลูก ซึ่งการปลดล็อกนี้จะทำให้ประชาชนสามารถปลูกเพื่อดูแลสุขภาพของตนเองและใช้ในครัวเรือน เพื่อนำไปใช้ในการปรุงยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายของกรณีที่เป็นแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้าน และเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์หรือในทางอุตสาหกรรมได้ ซึ่งขณะนี้ มีผู้ลงเบียนเพื่อขอจดแจ้งแล้วเกือบแสนราย 

สำหรับการผลิตแปรรูปส่วนอื่น ๆ ของพืชกัญชากัญชง เช่น ใบ ช่อดอก กิ่งก้าน ราก ไม่ต้องขออนุญาตยาเสพติด ส่วนสารสกัดถ้ามี THC เกิน 0.2% ถือเป็นยาเสพติด  ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีพืชกัญชากัญชง หรือสารสกัดกัญชากัญชง เป็นส่วนประกอบ เช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพร  อาหาร เครื่องสำอาง ให้ขออนุญาตตามกฎหมายผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เช่น ยาน้ำมันกัญชา ยาแผนไทยที่มีใบ ช่อดอก ราก ฯลฯ เป็นส่วนผสม ต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร  กรณีเป็นแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้าน หากจะใช้กัญชากัญชง ไปปรุงยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย ได้รับการยกเว้นตาม พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ให้ทำได้ตามการประกอบวิชาชีพโดยไม่ต้องขอใบอนุญาตผลิต หากมีข้อสงสัยเรื่องการปลูก การสกัด หรือการขออนุญาตผลิตผลิตภัณฑ์ให้สอบถามเพิ่มเติมโทร 1556 กด 3  หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนั้น ๆ 

 

เมื่อถามถึงกรณีสื่อสารต่อชาวต่างชาติว่าไทยไม่ได้เสรีเรื่องการสูบ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัด สธ.  กล่าวว่า เรามีประกาศเรื่องเหตุรำคาญ ดังนั้น หากชาวต่างชาติเข้ามา เราก็ต้องประชาสัมพันธ์ว่ากัญชาที่เราใช้ ไม่ได้เพื่อสันทนาการ ไม่สามารถทำได้ และยังผิดกฎหมายเหตุรำคาญ ม.25(4) สามารถจำคุก 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ ขณะที่การเมาแล้วขับรถ จะใช้พรบ.จราจร ที่ถูกกำหนดไว้ว่า หากเสพของมึนเมาขับรถก็จะผิดกฎหมาย ส่วนการเสพแล้วเมาในที่สาธารณะ ก็เป็นกฎหมายอาญากำหนดว่า ผู้ที่มีสภาพมึนเมามีความผิดอยู่แล้ว ซึ่ง สธ.ได้ประสานงานไปยังผู้ที่มีกฎหมายอื่นๆ เพื่อเข้ามาบังคับใช้

เมื่อถามต่อถึงการโฆษณากิจกรรมเกี่ยวกับกัญชาในเชิงสันทนาการ นพ.ธงชัยกล่าวว่า จะมีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จึงต้องฝากสังคมทำความเข้าใจว่าไม่สามารถทำได้ เพราะการปลดล็อกมาเพื่อดูแลสุขภาพ ไม่ใช่ทำลายสุขภาพ เพราะกัญชามีโลหะหนักอยู่

 

ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า  มีคำแนะนำว่าในช่วงการเปลี่ยนผ่านในระหว่างรอ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง การปลูกทั้งหมดควรทำการจดแจ้งในแอปพลิเคชัน ปลูกกัญ ของ อ.ย. เพื่อรักษาสิทธิของแต่ละคนในอนาคตหลัง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ประกาศบังคับใช้ ในขณะเดียวกันการปรุงอาหารที่ใช้ส่วนต่างของกัญชาจะต้องมีความระมัดระวังไม่ให้เกิดผลเสียและหากใส่กัญชามากเกินพอดีอาจทำเกิดอาการไม่พึงประสงค์และเสียลูกค้าในร้านอาหารได้  

 

เมื่อถามถึงการป้องกันนักเสพหน้าใหม่ นายปานเทพกล่าวว่า นักเสพหน้าใหม่ ตนคิดว่าในประเทศไทยมีนักเสพติดทุกชนิด  ไม่ได้แปลว่าประกาศนี้เกิดขึ้นแล้วจะเกิดนักเสพหน้าใหม่ เราต้องสื่อสารเรื่องโทษ กฎกติกาที่มีอยู่ขณะนี้นำมาใช้ ทั้งเหตุรำคาญ การโฆษณา การเสพเมาแล้วก่อความวุ่นวาย ต้องมีมาตรการ แต่สิ่งที่คนพูดน้อยอยู่คือการให้ความรู้ประชาชน เพื่อให้เกิดการระวัง ตนมองว่าควรอยู่ในระดับโรงเรียนด้วยซ้ำ ให้ทราบข้อควรระวังกับเยาวชนว่าหากใช้เพื่อสันทนาการต่อเนื่องจะส่งข้างเคียงอะไร เช่น ลดฮอร์โมนเพศชาย เชื่อว่าถ้าประชาชนทราบก็คงไม่ใช้อย่างไม่ถูกต้องได้ 

“ฉะนั้นเราต้องให้ความรู้ ผมจึงเห็นว่านักเสพหน้าใหม่ แม้ไม่มีการปลดล็อกเขาก็ทำกันอยู่แล้วในขณะนี้ เพียงแต่ไม่เปิดเผย แต่เมื่อเปิดเผย เราก็มีหน้าที่จับตา เฝ้าระวัง หามาตรการ และหากสังคมไม่ช่วยกันดูแล ก็ไม่แน่ว่าวันหนึ่งอาจถูกกลับไปเป็นยาเสพติดอีกก็ได้ ขึ้นอยู่กับสังคมจะช่วยกัน เพราะต้องทำกันทั้งสังคม ไม่ใช่แค่กระทรวงสาธารณสุขหรือกระทรวงใด กระทรวงหนึ่ง จึงจะทำให้เกิดความระวังและเข้าใจในการใช้กัญชาได้” นายปานเทพกล่าว
   
ผู้สื่อข่าวถามถึงการห้ามจำหน่ายในคน 3 กลุ่มมีการกำหนดไว้ในกฎหมายส่วนไหน นายปานเทพ  กล่าวว่า  การห้ามจำหน่ายให้กับหญิงมีครรภ์ หญิงให้นมบุตร และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เป็นข้อกำหนดไว้ในร่างพรบ.กัญชา กัญชง พ.ศ.... แต่เมื่อกฎหมายยังไม่ออก จึงมีการระบุให้ทราบไว้ในแอปพลิเคชันปลูกกัญ และเว็บไซต์ เท่ากับผู้ที่จดแจ้งการปลูกจะรับทราบข้อความนี้ หากมีการตรวจสอบพบว่ามีการดำเนินการนอกเหนือจากที่มีการระบุไว้ ก็จะโดนบันทึกขึ้นแบล็คลิสต์ไว้ หากเมื่อพรบ.กัญชา กัญชง พ.ศ....มีผลบังคับใช้ในอนาคตอาจส่งผลต่อการปลูกของบุคคลนั้นได้

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org