ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“อนุทิน” ลั่นยังไม่ได้หารือตั้งกองทุนเยียวยาผลกระทบการใช้กัญชา  อยู่ในขั้นตอน หากเสนอเข้ามาระหว่างการพิจารณา พรบ.กัญชากัญชง อาจเป็นคณะกรรมาธิการฯหารือเรื่องนี้  ย้ำ! ล่าสุดยังไม่มีรายงานคนใช้ไม่เหมาะสม

 

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2565  ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นข้อห่วงกังวลการปลดล็อกกัญชา ที่อาจมีเยาวชนหรือมีผู้นำไปใช้ในทางที่ผิด ว่า ตนขอบคุณในความเป็นห่วง ซึ่ง สธ.ได้รับฟังประเด็นความเป็นห่วงของหลายฝ่าย แต่ต้องยืนยันว่า นโยบายกัญชาเสรีของสธ. มุ่งเน้นการแพทย์ สุขภาพและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ไม่ได้มุ่งเน้นและไม่สนับสนุนให้นำกัญชาไปใช้ในเจตนารมณ์อื่น โดยเฉพาะการเสพ การสูบซึ่งเราทราบตั้งแต่โบราณว่าไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ตนเชื่อว่าประชาชนได้รับข้อมูล เข้าใจต่อการใช้พืชกัญชาอย่างถูกวิธี

 

"ผมเข้ามาในกระทรวงนี้จะครบ 3 ปี ผลักดันนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์มาตั้งแต่วันแรก จึงต้องมีการประชาสัมพันธ์ถึงวัตถุประสงค์เจตนารมณ์ของรัฐบาลชุดนี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายก็มีนโยบายกัญชาเสรีถูกบรรจุไว้เป็นนโยบายเร่งด่วน ถือว่าเราได้ทำตามนโยบายรัฐบาลและคำสัญญาที่สธ.ให้ไว้กับประชาชน" นายอนุทินกล่าว

 

เมื่อถามถึงการควบคุมไม่ให้นำไปใช้ทางที่ไม่เหมาะสมดูเหมือนทำได้ยาก นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเรื่องนี้เข้ามา ตนไปงานมหกรรมกัญชา 360 องศา จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. มีคนร่วมงานกว่า 8 หมื่นคน มีร้านค้า ผู้ประกอบการสินค้าที่ทำจากการกัญชา กัญชงมาออกร้าน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ออกใบจดแจ้งให้ผู้ปลูกกัญชาก็ว่า 7 แสนคนแล้ว  ซึ่ง สธ.จะรณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจว่ากัญชาเสรีทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น  จะกระจายข้อมูลไปยังหน่วยบริการของกระทรวงฯ ปลัดสธ. เองก็สั่งการเรื่องนี้ไปแล้ว

 

 

เมื่อถามถึงการควบคุมการนำไปใช้ที่ไม่เหมาะสม  นายอนุทิน กล่าวว่า คนที่ใช้แบบไม่เหมาะสมก็มีอยู่ก่อนที่จะมีการปลดล็อกกัญชาในวันที่ 9 มิ.ย. แล้ว ส่วน พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ... อยู่ระหว่างการพิจารณาโดยสภา ที่มีทั้ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งมีการนำเสนอข้อห่วงใยต่างๆ เพื่อให้เกิดการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ เศรษฐกิจประเทศ มีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมา โดยมี นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นพ.ธงชัย  กีรติหัตถยากร รองปลัดสธ. ในคณะด้วย  ซึ่งมีการประชุมทุกวัน คาดว่า 1 เดือนนี้จะมีการพิจารณา เพื่อให้ออกกฎหมายมาดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ระหว่างรอ พ.ร.บ.กัญชาฯ มีผลบังคับใช้ สธ.ก็ออกประกาศกรมอนามัย เรื่องเหตุรำคาญจากกลิ่นและควันของกัญชา เพื่อควบคุมกำกับดูแลให้ใช้เพื่อประโยชน์

 

“ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ค่อนข้างสมบูรณ์แล้วแต่ก็ยังมีการแปรญัตติ ก่อนรับหลักการ ทุกฝ่ายก็มีโอกาสเสนอข้อมูล ซึ่งเชื่อว่า ส.ส.ผู้อภิปราย ก็จะนำข้อมูลความห่วงใย จากภาคส่วนต่างๆ มาตั้งข้อเสนอแนะ เราก็เก็บมาหมดเพื่อทำกฎหมายให้ดีที่สุด เช่นขายให้เด็กต่ำกว่า 18 ปีไม่ได้ ฉะนั้นถ้าพบเห็นเด็กใช้ ก็ผิดกฎหมายและคนขายผิดกฎหมายด้วย มีบทลงโทษ” นายอนุทินกล่าว

 

เมื่อถามถึงการวิพากษ์ วิจารณ์ว่ามีการปลดล็อกเร็วเกินไปหรือไม่ เพื่อการหาเสียงของพรรคการเมืองด้วยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนว่าช้าไป เพราะนโยบายกัญชาหาเสียงตั้งแต่ปี 2560 พูดกันมานาน ฉะนั้นต้องถามคนที่เห็นชอบว่านโยบายนี้มีประโยชน์ด้วยว่าเขาคิดอย่างไร ไม่ใช่ถามฝ่ายเดียว โดยยังมีการควบคุมอยู่ ไม่ใช่ไม่มีเลย ยกตัวอย่างการขายเป็นผลิตภัณฑ์ก็ต้องขออนุญาตกับ อย. การสกัดเป็นสาร THC มากกว่า 0.2% ก็ต้องขออนุญาต ซึ่งทางอย.ก็มีทีมสุ่มตรวจผลิตภัณฑ์ที่ทำเป็นมาตรฐานเป็นปกติอยู่แล้วไม่ต่างจากสินค้าสุขภาพตัวอื่นๆ

 

เมื่อถามถึงความกังวลที่มีการจำหน่ายช่อดอกเพียว ไม่มีการทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาต นายอนุทิน กล่าวว่า หากพบว่ามีใครทำเพื่อสูบหรือเสพ ก็เป็นไปตามประกาศให้เป็นเหตุรำคาญ แต่หากคนที่สูบกัญชาต่อให้ไม่มีเรื่องปลดล็อกเขาก็สูบอยู่แล้ว แต่คนที่จะเอามาใช้เพื่อการแพทย์กลับเสี่ยงถูกคดี วันนี้เราเพียงแต่เอาขึ้นมาจากใต้ดิน ให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังจากปลดล็อกแล้วก็ยังไม่พบการเอาไปใช้ให้เกิดปัญหา ในกระทรวงฯ ก็ยังไม่เห็นมีใครสูบ คนที่ใช้อย่างถูกต้องเข้าใจ ก็จะเข้าใจคุณค่า อย่างกินไวน์วันละ 1 แก้วที่เสริมสร้างหัวใจ ลดไขมันในเลือด แต่ถ้ากินหมดขวดก็เมา ทำลายสุขภาพ

 

เมื่อถามถึงข้อเสนอตั้งกองทุนเพื่อเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากการใช้กัญชา หากจะทำต้องเป็นหน่วยงานใด ซึ่งมีคนเสนอให้ระบุใน พ.ร.บ.กัญชาฯ อย่างชัดเจน นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้หารือเรื่องการตั้งกองทุนแต่หากทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วคาดจะมีการหารือกัน อย่างไรก็ตาม หากมีการเสนอเข้ามาในระหว่างที่พิจารณา พ.ร.บ.กัญชาฯ ทางคณะกรรมาธิการก็คงพิจารณา

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org