ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อธิบดีกรมอนามัย ย้ำ!  สถานประกอบการ ร้านอาหาร ผู้ให้บริการใกล้ชิดลูกค้า โดยเฉพาะคนปรุงอาหาร ขอให้สวมหน้ากากอนามัย เพื่อสุขอนามัย แม้ล่าสุดการใส่แมสก์ให้เป็นเป็นแบบสมัครใจก็ตาม

 

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2565  นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขณะนี้แม้จะมีประกาศให้สวมหน้ากากอนามัยตามความสมัครใจแบบมีเงื่อนไข โดยแนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัย เมื่อไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ อยู่ในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงกลุ่มเสี่ยง 608 ที่เสี่ยงติดเชื้อมีอาการรุนแรง ผู้ติดเชื้อและสัมผัสเสี่ยงสูง ซึ่งเราออกประกาศแบบนี้เพื่อให้เป็นทางเลือก ให้การใส่หน้ากากไม่ถูกตีตรา เราต้องการสร้างสมดุล 2 เรื่อง คือ ยังเตือนผู้คนที่มีความเสี่ยงให้สวมหน้ากากได้อยู่ และคุ้มครองสิทธิของคนอยากสวมหน้ากากไม่ให้ถูกเลือกปฏิบัติว่า ป่วยหรือไม่ ถ้าป่วยไม่ให้เข้าสถานที่ หรือถูกบูลลีว่าป่วย การออกมากลางๆ แบบนี้จึงเป็นแบบสมัครใจและมีเงื่อนไข จะช่วยให้เปลี่ยนผ่านระยะนี้ไปได้

 

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในสถานประกอบการร้านอาหารต่างๆ ผู้ให้บริการใกล้ชิดแก่ลูกค้า รวมถึงพนักงานครัวที่จัดเตรียมวัตถุดิบและประกอบปรุงอาหาร ยังต้องสวมหน้ากากเพื่อป้องกันด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เรากำหนดให้ใส่หน้ากากอนามัยด้วยเงื่อนไขของโรคโควิด 19 แต่ตอนนี้เวลาเปลี่ยนผ่านเราจะกำหนดให้เป็นสุขอนามัยและสุขลักษณะของร้านตามปกติ ซึ่งได้เพิ่มเรื่องการสวมหน้ากากลงในข้อกำหนดและคำแนะนำเกี่ยวกับสุขลักษณะของสถานที่สะสมอาหารหรือสถานที่ทำอาหารของกรมอนามัยแล้ว เหมือนการกำหนดให้สวมหมวกคลุมผม ผ้ากันเปื้อน และหากต้องสัมผัสอาหารโดยตรงก็ต้องใส่ถุงมือ

"ถ้าเราเชื่อและพยายามพาสังคมไปแบบนี้ โรคติดต่อทางเดินหายใจและโรคติดต่อทางเดินอาหารก็จะลดลง เพราะใส่หน้ากาก ล้างมือ ทำความสะอาดเช็ดโต๊ะกันมากขึ้น เราพยายามยกระดับเพื่อให้สุขภาพดี การบริการนักท่องเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศ" นพ.สุวรรณชัย กล่าว

 

เมื่อถามว่าเมื่อผ่อนคลายมาตรการต่างๆ อาจจะทำให้กลับไปมีพฤติกรรมตามเดิม จะคงการรักษาสุขอนามัยของร้านอาหารต่างๆ ต่อไปอย่างไร  นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า คงดำเนินการ 2 ทาง คือ 1.เมื่อยกระดับถึงจุดหนึ่งเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา ขณะเข็นมักหมดแรงเราต้องหาไม้หมอนมาหนุน ไม้หมอนสำคัญคือมาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาเป็นตัวนำ และ 2.มาตรการที่เป็นการส่งเสริมให้คนที่ทำดี ได้รับการยอมรับ สองส่วนนี้สำคัญที่เราจะดำเนินการ หากไปดูต่างประเทศเวลาร้านอาหารเจอหนูตัวหนึ่งเขาสั่งปิดไว้ก่อนแล้วให้ร้านยืนยันรับรอง (Declare) แต่บ้านเราเจอหนูวันรุ่งขึ้นเปิดเลย ก็มีข้อสงสัยว่าตกลงหยิบหนูออกแล้วทุกอย่างเหมือนเดิมหรือไม่ แต่เมืองนอกต้องคลีนทั้งหมดแล้ว Declare

 

"ตอนนี้เชื่อว่าช่วงผ่านสถานการณ์โควิดคนและผู้ประกอบการเริ่มคุ้น แต่อย่าย้อนกลับไป คือ จะต้องมีกฎหมายมาค้ำ ซึ่งจะกำหนดมาตรฐานไว้ และอีกส่วน คือ พลังของผู้บริโภคที่จะบอกว่าร้านไหนสะอาดหรือไม่สะอาด ร้านไหนสะอาดก็ต้องอุดหนุน ร้านไหนไม่สะอาดก็ให้คำชี้แนะ ถ้าร้านไหนมีปัญหา ผู้บริโภคไม่ไปอุดหนุน ร้านก็ปรับโดยอัตโนมัติ แต่ที่ผ่านมาเราเจอปัญหาเราเลือกแต่อร่อย แต่ไม่สะอาด หากสังเกตหลายร้านไม่สะอาด แต่บางทีอร่อย ซึ่งไม่รู้อร่อยจากอะไรก็ตาม แต่เรายังไปอุดหนุน ผู้ประกอบการก็จะรู้สึกว่าปัจจัยสะอาดไม่มีความจำเป็น แต่เราต้องทำให้อร่อยควบคู่กับสะอาดก็จะขับเคลื่อนไปได้" นพ.สุวรรณชัยกล่าว