ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เริ่ม! 1 ก.ค. 65  ติดเชื้อโควิด19 รักษาฟรีตามสิทธิ์ ยกเลิกระบบ   Home Isolation  และ Hospitel  ส่วน UCEP Plus รักษาฟรีผู้ป่วยอาการฉุกเฉินสีเหลือง เป็นไปตามดุลยพินิจแพทย์  ส่วนการรักษาแบบ "เจอ แจก จบ" ยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ด้านกรมการแพทย์เฝ้าระวังโอมิครอน BA.4 และ BA.5   หลัง 3 รพ.พบแนวโน้มป่วยเพิ่ม! แต่ไม่รุนแรง ขอให้รพ.สวมแมสก์ป้องกันเชื้อแพร่กระจาย

จากกรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การยกเลิกกรณีที่มีเหตุสมควรเกี่ยวกับโรคโควิด-19 เพื่อรองรับการเป็นโรคประจำถิ่น พ.ศ. 2565  

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ ว่า  โดยหลักทั่วไปของระบบการรักษานั้น เมื่อเจ็บป่วยก็เป็นไปตามสิทธิ แต่ช่วงโควิดก็จะมีกฎหมายเข้ามาว่า ถ้าเป็นโควิดจะต้องรักษาแบบไหนอย่างไร และเบิกอย่างไรได้บ้าง ส่วนการประกาศของ ศบค.จะมีผลในทางกฎหมายอย่างไร ต้องขอไปดูประกาศในราชกิจจานุเบกษาก่อน ส่วนที่จะเข้าสู่โรคประจำถิ่นหรือระยะ Post-Pandemic ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป ไม่ได้แปลว่า เราจะถอดหน้ากากทั้งหมดแล้วไม่ป้องกันตนเอง ยังจำเป็นต้องป้องกันตนเอง เพราะยอมรับว่ามีการติดเชื้อมากขึ้น ซึ่งก็เหมือนอย่างสิงคโปร์ อังกฤษ ยุโรปก็เพิ่มมากขึ้น แต่ตัวเลขที่มากขึ้นยังไม่มีนัยสำคัญของผู้ติดเชื้อกับความรุนแรงและอัตราเสียชีวิต พอ 2 ตัวนี้ไม่เพิ่มศักยภาพเตียงก็ยังรับได้ 

"รัฐบาล ศบค. และกระทรวงสาธารณสุขก็จะทำความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งจะเริ่มวันพรุ่งนี้(1 ก.ค.) แล้ว เป็นหน้าที่ที่เราต้องรีบหารือและชี้แจง" นายสาธิต กล่าว

 

ด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ประกาศดังกล่าวสิ่งที่จะยกเลิก คือ การรักษาแบบ Home Isolation , Hospitel และกรณีของสิทธิ์ UCEP Plus ซึ่งเดิมให้ผู้ป่วยโควิดอาการสีเหลืองและสีแดงเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินที่เข้ารับการรักษาสถานพยาบาลรัฐและเอกชนใดก็ได้ ก็จะปรับให้ผู้ป่วยอาการสีเหลืองกลับมารักษาฟรีตามสิทธิ์ ซึ่งแนวทางการรักษาจะให้รักษาแบบผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยในของ รพ.ก็ขึ้นกับดุลยพินิจและการวินิจฉัยของแพทย์ ซึ่งจะมีแนวเวชปฏิบัติอยู่ ส่วนผู้ป่วยอาการสีแดงที่วิกฤต ยังสามารถใช้สิทธิ UCEP เข้ารักษาแห่งใดก็ได้ตามเดิม 

(ข่าวเกี่ยวข้อง : สปสช. ยืนยันรักษาแบบ "เจอ แจก จบ" รับบริการยังหน่วยบริการใกล้บ้านได้ ย้ำ! ไม่จำเป็นต้องใช้ใบส่งตัว)

 

ตามกระบวนการนั้นการตรวจหาเชื้อตามแนวทางของกรมควบคุมโรค คือ ตรวจ ATK เมื่อมีอาการ หากสงสัยอาการรุนแรงให้โทรสายด่วน 1669 เพื่อประเมินความรุนแรงและเดินทางไปยังสถานพยาบาล ส่วนสายด่วน 1330 ยังให้ประชาชนที่ข้องใจสอบถามได้ หรือช่วยเหลือประสานหาเตียง ทั้งนี้จะเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เนื่องจากเข้าใจว่าประชานคุ้นชินกับระบบมานานถึง 3 ปี ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลรวม 150,000 ล้านบาท

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า แม้จะมีการยกเลิก HI  ในส่วนสิทธิ์หลักประกันสุขภาพฯ หรือบัตรทอง แต่ยังรักษาตามสิทธิ์คนไข้บัตรทอง ซึ่งไปรักษาที่ไหนก็ได้ในรพ.รัฐ  และยังคงมีการรักษาแบบผู้ป่วยนอก (Outpatient with Self Isolation : OPSI)  หรือ "เจอ แจก จบ"   ส่วนสิทธิ์ประกันสังคมนั้น ทั้งนี้ สถานการณ์โอมิครอน BA.4 และ BA.5  พบว่ามีแนวโน้มผู้ป่วยเยอะขึ้น โดยรพ.ราชวิถี รพ.นพรัตน์ และรพ.เลิดสินเพิ่มขึ้นหมด แต่แนวโน้มการรักษายังไม่พบความรุนแรงจะเพิ่มขึ้น จะพบรายงานจากต่างประเทศว่า เกาะปอด นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เราต้องจับตาข้อมูลอย่างใกล้ชิด

"ขณะนี้ กรมการแพทย์ได้สั่งการให้เตรียมพร้อมตั้งแต่ต้นทางในสถานพยาบาล โดยขอให้สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกคน และทุกโรงพยาบาลต้องมีการรายงานการครองเตียงรายวัน หากการครองเตียงเพิ่มขึ้นต้องมีการเตรียมลู่ทางขยายเตียง และไอซียูถ้าจำเป็น" นพ.สมศักดิ์ กล่าว

 

 

 

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า สำหรับประกันสังคมมีการดำเนินการเช่นกันในเรื่องนี้ โดยเตรียมยกเลิกการรักษา HI  ในวันที่ 4 ก.ค.นี้ แต่ผู้ติดเชื้อโควิดสามารถเข้ารับการรักษาตามแนวทาง "เจอ แจก จบ" ได้เช่นเดิม และสามารถรักษาที่ไหนก็ได้ในรพ.ของประกันสังคม รวมทั้งของสิทธิยูเซปเช่นกัน โดยจะมีการประกาศแนวทางเพื่อดำเนินการตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.เป็นต้นไป  ส่วนฮอสปิเทลจะยกเลิกเช่นกัน

 

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org