ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อภัยภูเบศรรวมสรรพคุณ "สมุนไพร 5 ชนิด" แจกฟรี! วันละ 300 ต้น  ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ 6-10 ก.ค. ที่อิมแพค เมืองทองธานี สรรพคุณทางยา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต้านไวรัส ด้านเลขาธิการมูลนิธิฯ ชี้ชูพืชผักสมุนไพรคนไทยต้องรอด โดยเฉพาะช่วงลองโควิดที่หลายคนประสบปัญหา พร้อมแจกหนังสือครบครันกัญชา...

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2565  ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร  เลขาธิการมูลนิธิ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร  กล่าวถึงไฮไลท์ของรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งจัดไว้ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติฯครั้งที่ 19 ว่า ระหว่างวันที่ 6 – 10 กรกฎาคม 2565 ที่ ฮอลล์ 11 - 12 ศูนย์แสดงสินค้าและ การประชุมอิมแพค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี  ว่า มหกรรมสมุนไพรปีนี้ อภัยภูเบศร  ชูสโลแกน “ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตอะไร คนไทยต้องรอด” โดยนำหลากหลายผลิตภัณฑ์จาก กัญชาทางการแพทย์ นวัตกรรมจากกัญชามาร่วมงาน  เช่น ขี้ผึ้งกัญชาขมิ้นชัน บรรเทาอาการโรคผิวหนัง ผื่นคัน โรคสะเก็ดเงิน,  เครื่องสำอางจากสารสกัดกัญชา  ABHAI Advanced Pepair Youth Activating Night Cream ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย และบำรุงผิว 

ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวว่า  นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงของลองโควิด ประกอบกับปัจจุบันระบบทางเดินหายใจเราอ่อนแอลงมาก จากไวรัส จากมลพิษ หากมีสมุนไพรที่ปลูกและใช้ในครัวเรือนจะช่วยได้มาก อย่างภายในงานได้นำต้นไม้ 5 ชนิดมาแจกให้วันละ 300 ต้น มีมะกล่ำเผือก ต้นสายน้ำผึ้ง มะขามป้อม  ว่านคันทมาลา และเท้ายายม่อม  ซึ่งต้นไม้เหล่านี้เราสามารถนำมาปรุงอาหารบ้าง นำมาทำเป็นชาดื่มบ้าง เรียกว่าใช้ในครัวเรือน ช่วยเสริมสร้างสุขภาพ  เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

"สำหรับสมุนไพร 5 ชนิด ที่จะมีการแจกวันละ 300 ต้นภายในงานนั้น อย่าง "ต้นมะกล่ำเผือก"  แม้เมล็ดมีพิษไม่รับประทาน แต่รากกับใบมีสรรพคุณทางยา สามารถแทนชะเอมได้ เพราะปัจจุบันชะเอมเรานำเข้ามาในประเทศ  ดังนั้น คนไทยต้องกลับไปหาสิ่งที่เรามี ลดการนำเข้า ซึ่งมะกล่ำเผือกเหมือนชะเอม นำมาพัฒนาเป็นยาแก้ไอได้ แก้ปากเป็นแผล ปากเปื่อย  ส่วน "ว่านคันทมาลา"  เป็นพืชวงศ์ขิงข่ามีประโยชน์มาก  ช่วยอาการเจ็บคอ คอตัน เจ็บคอได้ อย่างคนโบราณใช้กันเยอะ เพราะอดีตเราไม่มียา สมัยก่อนไม่มีเพนนิซิลิ คนสมัยก่อนจะเอาหัวว่านมาอม ขมๆ แทนยา" ภญ.สุภาภรณ์ กล่าว

ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วน "เท้ายายม่อม"  ใบ ดอก กินได้ ชาวบ้านกินเป็นผัก โดยรากอยู่ในยาห้าราก ในตำราไทยเรียกว่า เบญจโลกวิเชียร  ช่วยแก้ไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ อย่างประเทศจีนใช้กันมากในช่วงโควิดที่ผ่านมา "สายน้ำผึ้ง" สามารถนำดอกมาชงเป็นชาดื่ม อย่างหญิงตั้งครรภ์กินฟ้าทะลายโจรไม่ได้ ก็จะใช้ดอกของสายน้ำผึ้ง ต้นของสายน้ำผึ้งทำเป็นยาชงก็ได้เช่นกัน "มะขามป้อม" เป็นสมุนไพรที่ควรมีในบ้าน เพราะสามารถใช้ได้ทั้งปี ผลมะขามป้อมแก้เจ็บคอ เพิ่มภูมิคุ้มกัน ดูแลเรื่องเบาหวาน ความดัน 

เมื่อถามว่าสมุนไพร 5 ชนิดมีข้อห้ามในการรับประทานอย่างไร ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวว่า  ต้นไม้เหล่านี้ถือว่าปลอดภัยที่นำมาแจก นำมาเป็นชาชง เหมือนกินชาปกติ หรือนำมาปรุงเป็นอาหาร เป็นเครื่องเทศ อย่างไรก็ตาม หลักการใช้สมุนไพรทั่วไป คือ กินน้อยๆ เริ่มจากน้อยๆ ไม่เคยกินมาก่อนต้องกินน้อยๆ อย่ากินเข้มข้นเกินไป หญิงตั้งครรภ์ไม่ควร ที่สำคัญต้องศึกษาสมุนไพรชนิดนั้นๆก่อนรับประทาน หรือสอบถามศูนย์ข้อมูลอภัยภูเบศร 037-211289   

ทั้งนี้ ภายในงานจะแจกหนังสือครบครันกัญชาสยาม สานต่ออดีตสู่..อนาคต อีกวันละ 200 เล่ม โดยการแจกสมุนไพร 5 ชนิดจะแบ่งออกเป็นวันละชนิด ชนิดละ 300 ต้น วันแรก (6 ก.ค.) แจกต้นมะกล่ำเผือก  วันที่สอง(7 ก.ค.) แจกต้นสายน้ำผึ้ง วันที่สาม(8 ก.ค.) แจกมะขามป้อม วันที่สี่(9 ก.ค.) แจกว่านคันทมาลา และวันที่ห้า (10 ก.ค.) แจกเท้ายายม่อม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสรรพคุณของสมุนไพรทั้ง 5 ชนิดข้อมูลจากอภัยภูเบศร ประกอบด้วย

1.มะกล่ำเผือก  ใบมีสารหวานกว่าน้ำตาน ตำนานยาแก้ไอ แก้เจ็บคอ พื้นบ้าน แต่เมล็ดห้ามรับประทาน โดยใบบำรุงร่างกาย ต้านเบาหวาน ชมน้ำดื่มบำรุงร่างกาย แก้เจ็บคอ หลอดลมอักเสบ แก้ไอ แก้ปวดเมื่อย ทั้งนี้สามารถใช้ภายนอกได้ด้วยการพอกแก้อักเสบ ทั้งนี้ต้องย้ำว่า เมล็ดมะกล่ำทุกชนิดมีความเป็นพิษห้ามรับประทาน 

2.สายน้ำผึ้ง ต้นและดอกสายน้ำผึ้งชงกินแก้ไอ แก้เจ็บคอ แก้คออักเสบ ซึ่งจีนทำการศึกษาวิจัยพบว่าต้นสายน้ำผึ้งสามารถนำมาใช้ป้องกันไวรัส โรคระบบทางเดินหายใจ และทางสามจังหวัดภาคใต้ใช้ดอกสายน้ำผึ้งชงกินเป็นชาช่วยการนอนหลับ คลายเครียด 

3.มะขามป้อม  เป็นสมุนไพรใช้ในการบำรุงสุขภาพมายาวนาน มีฤทธิ์ต้านไข้หวัดใหญ่ ทั้งในหลอดทดลองและในมนุษย์ เนื่องจากในผลของมะขามป้อมมีสารโปรไซยานิน และโพลีฟีนอลที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกันวิตามินซี แต่ทนต่อความร้อน ไม่ถูกออกซิไดซ์ง่าย จึงมีความคงตัวสูง ซึ่งไปช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และมะขามป้อมช่วยแก้ไอ 

4.ว่านคันทมาลา หรือว่าทำมะรา เป็นพืชตระกูลขิงข่า โดยหมอยาพื้นบ้านจะนำมาใช้เมื่อมีอาการ เจ็บคอ ฝีในคอ ไอ ให้ฝานว่านชนิดนี้เคี้ยวค่อยๆ กลืนให้ผ่านคอ โดยว่านชนิดนี้เมื่อฝานจะเห็นขอบสีม่วง ข้างในว่านสีเหลือง นอกจากนี้ ยังมีสรรพคุณแก้ปวดเมื่อยเหมือนไพล แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อเหมือนข่า

5.เท้ายายม่อม เป็นหนึ่งในสมุนไพร "ยาห้าราก" หรือในตำราไทยเรียกว่า "เบญจโลกวิเชียร" ช่วยแก้ไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ทั้งยังใช้เป็ฯยาเย็นทาแก้ผดผื่นคัน แก้อักเสบ แก้ริดสีดวง แก้ฝีได้
ทั้งนี้ สามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลสมุนไพร มูนนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โทร 037-211289 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org