ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รวมตรงนี้! ส.ส.เพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ "อนุทิน" ประเด็นเดินหน้านโยบายกัญชา ชี้กลัดกระดุมผิดเม็ดแรกกระทบทั่ว ทั้งผลกระทบระหว่างประเทศ และในประเทศ กรณีละเมิดกฎยูเอ็น เตือนระวังโดนลงโทษ หลายประเทศโดนแล้ว ส่วนผลกระทบในประเทศ เด็กเยาวชนโดนก่อน   ชี้สภาไม่เคยเห็นชอบปลดล็อก แต่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขกลับทำเกินสภาอนุมัติ ที่ยกมือผ่าน พรบ.เพื่อต้องการให้มีกฎหมายควบคุม  
 
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง สมาชิกสภาผุู้แทนราษฎร มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวก่อนจะเริ่มอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่า ขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการสธ. และท่านนายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยกระผมข้อกล่าวหาทั้งสองท่านได้ร่วมกันกำหนดให้มีนโยบายกัญชาเสรี มีการละเมิดกติกาหลายอย่าง อย่างไรก็ตาม เรื่องกัญชาเสรี จริงๆไม่อยากพูด แต่เรื่องนี้เป็นประเด็นร้อนแรงในสังคม มีการวิวาทะ เพราะมีทั้งฝ่ายอยากได้ ฝ่ายต่อต้าน และมีการเดิมพันด้วยธุรกิจก็มี ซึ่งการพูดวันนี้อาจไปกระทบกับประชาชนบางส่วน และยิ่งไปกระทบกับธุรกิจที่หลายคนลงไปหลายร้อยหลายพันล้าน หรือแม้แต่รายย่อย ซึ่งหากพูดวันนี้แล้วทำให้ธุรกิจพัง ตนก็จะรู้สึกบาป แต่คิดไปคิดมา ตัดสินใจพูดวันนี้ก่อนถลำลึกก็อาจจะไม่ให้แย่ในวันหน้า นี่อาจเป็นการช่วยท่าน ขอให้เข้าใจเจตนาดี

"และอีกประการ ตัวท่านอนุทินเอง ก็เคารพนับถือกัน ไม่มีใครอยากให้คนเคารพกันมาโกรธกัน แต่ผมคิดว่า วันนี้อาจเป็นการเปิดโอกาสให้ท่านได้ขยายความ ท่านอาจเป็นพระเอก ผมอาจเป็นผู้ร้ายก็ได้ ส่วนท่านนายกฯ ท่านบอกได้ยินได้ฟังเรื่องเก่าๆมานาน แต่ถ้าฟังวันนี้อาจมีเรื่องใหม่ที่ไม่เคยฟัง และวันนี้ท่านอาจรู้ว่า ท่านผิดหมดก็ได้ ช่วงไม่กี่เดือนมานี้ มีผู้ปกครองหลายคนห่วงลูกหลาน ครูบาอาจารย์ก็มาบอกว่า เด็กๆไปพี้กัญชาในห้องเรียนก็มี จะทำอย่างไร หมอแพทย์แผนไทย นักกฎหมายก็มี และที่น่าตกใจมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเอ็น เป็นระดับป้องกันปราบปราบยาเสพติดมาบอกผมว่า ควรพูดเรื่องนี้หน่อย ดังนั้น จึงตัดสินใจขอพูด" นายสุทิน กล่าว

 

00 นโยบายกัญชา รัฐบาลกลัดกระดุมผิดเม็ดแรก 

ทั้งนี้ ก่อนนายสุทิน จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ ได้แสดงคลิปวิดีโอกรณีนายอนุทินปราศรัยเรื่องนโยบายกัญชา ถึงทำให้คนร่ำรวยขึ้นจากกัญชา ว่า  การประกาศนโยบายนี้ เป็นการกลัดกระดุมผิดเม็ดแรกผิด คือ ผิดหมด  โดยที่ผิดมากคือ เอาไปสูบได้ทุกคน อันนี้ไม่ใช่ และหลายเรื่องหลอกลวง บอกปลูก 6 ต้นจะรวย ใช่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม นโยบายของท่านอนุทิน มาสู่ท่านนายกฯ ซึ่งหากไม่รับ พรรคก็อาจไม่ร่วมรัฐบาล กลายเป็นนโยบายรัฐบาลทันที ตรงนี้เมื่อดำเนินนโยบายถือว่า ผิดกติกาโลก ที่เมื่อปี 2504 ได้เกิดอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ 1961 ซึ่งไทยก็ลงนามด้วย และมีอนุสัญญาตามมาอีก 2-3 ฉบับ ไทยลงนามหมด เมื่อประกาศก็เกิดความผูกพัน 
"อนุสัญญาเดี่ยวที่ไปลงนามเป็นไปตามความสมัครใจ จึงกลายเป็น 2 สถานะ คือ กฎหมายระหว่างประเทศ และทุกประเทศที่ไปลงนามแล้ว ต้องกลับไปปรับกฎหมายประเทศตัวเองให้สอดคล้องกับอนุสัญญาทันที ทำให้ไทยต้องมาดำเนินการ โดยองค์การสหประชาชาติให้กัญชา ถูกกำหนดให้อยู่ในประเภทที่ 4 แต่เมื่อถึงปี 2563 ย้ายกัญชาเป็นประเภทที่ 1 คือ ยาเสพติดร้ายแรงแต่อนุโลมใช้การแพทย์และวิจัยเท่านั้น" นายสุทิน กล่าว

 

00 ย้ำ! สภาไม่เคยเห็นชอบปลดล็อกกัญา ออกประกาศกระทรวงเกินสภาอนุมัติ 

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาขั้นตอนของไทยในรัฐบาลประยุทธ์นั้น พบว่า ปี 2563 รัฐสภาได้ออกกฎหมายเรื่องปลดล็อกกัญา จริงๆ สภาไม่ได้ปลด แต่คนปลดคือ รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข แต่ตอนนั้นกลับไปสื่อสารผิด ให้ความรู้ผิดว่า เสรี ชาวบ้านก็ไปปลูก ตอนนั้นใครปลูกยังถูกจับ ที่ไม่ถูกจับคือ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2565  ซึ่งเป็นประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ที่กัญชาถูกปลดปล่อยหมด ตรงนี้ ถือว่าละเมิดกติกาโลก เพราะกติกาโลกระบว่า กัญชา ยังจัดเป็นยาเสพติดประเภท 1 แต่อนุโลมทางการแพทย์โดยกฎควบคุมเข้มงวด 
"วันนี้เราถอดออกหมด แต่ไม่ใช่สภา ตอนนั้นสภาว่างไว้ให้กระทรวงสาธารณสุข โดยคณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติไปพิจารณา หากจะเพิกถอนให้ประกาศโดยกระทรวงสาธารณสุขให้มีผลวันที่ 9 มิ.ย.65 ซึ่งไม่เพิกถอนก็ได้ แต่ท่านเพิกถอน ดังนั้น อย่ามาโอนความผิดให้สภา นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายอีกฉบับ คือ พรบ.กัญชากัญชง ที่ยกมืให้หมด ที่ยกมือให้ เพราะท่านปลดล็อกแล้ว และไม่มีอะไรควบคุม เมื่อไม่มีทางเลือก ก็ต้องยกมือให้ เพราะต้องควบคุม ซึ่งพวกผมตามตลอดว่า ต้องควบคุม" นายสุทิน กล่าว
นายสุทิน กล่าวอีกว่า นี่คือสิ่งที่ละเมิดกติกาโลก และยังละเมิดมติรัฐสภา เพราะไม่ได้ให้ปลดล็อก และเจตนารมย์ให้ทำได้แค่การแพทย์การวิจัย แต่วันนี้กระทรวงสาธารณสุขส่งเสริมให้อุตสาหกรรม ยังมีสันทนาการอีก จริงๆเรื่องใหญ่แบบนี้ไม่ใช่ตนรู้เรื่องคนเดียว แต่ทำไมคนอื่นๆไม่ท้วงติง ข้อเท็จจริง ท้วงติงมาตลอด แต่น้ำท่วมปาก คนแรก เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา สมัย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ ออกมาเตือนว่า ยังไม่ปลดจากกัญชานะ แต่ไม่รู้เพราะอะไรกลับถูกเด้งออกจากเลขาฯ ซึ่งก็ไม่รู้เพราะสาเหตุนี้หรือไม่ 

 

00 นโยบายกัญชา ขัดอนุสัญญายูเอ็น ชัดเจนข้อมูลจากอดีตประธานองค์กรควบคุม INCB

นอกจากนี้ ในการประชุมครม.ก่อนออกประกาศ มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ท้วงว่า จะไม่ขัดกับยูเอ็นหรือ ซึ่งที่ทราบเพราะมีรายงานข่าวออกมา และท่านอนุทิน ตอบว่า ไม่จริง เพราะอนุสัญญาเดี่ยวไม่ได้บังคับว่ากัญชาเป็นยาเสพติด ก็ไม่ทราบว่า เข้าใจผิดหรืออย่างไร แต่สุดท้ายท่านนายกฯ ประยุทธ์ บอกว่า เรื่องอนุสัญญาเดี่ยวเอาไว้ก่อน ให้กัญชาผ่านก่อน
"ขอถามท่านประยุทธ์ว่า เรื่องอนุสัญญาเดี่ยวเอาไว้ก่อนหรือไม่ ต้องเอานโยบายกัญชาให้ได้หรืออย่างไร กรณีนี้เพราะอะไร ขอถามว่า เพราะกลัวพรรคร่วมถอนตัวหรือไม่ ตรงนี้จะพาประเทศไปสู่อะไร จริงๆข่าวที่ออกมา และหลายเรื่องผมไม่ได้เชื่อเลย แต่หาข้อมูลต่างๆ และประกอบกับมีองค์กรหนึ่งเกิดขึ้นจากอนุสัญญาเดี่ยว คือ องค์กรควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ หรือ INCB มีอำนาจให้ควบคุมเป็นไปตามสัญญาเดี่ยว โชคดีที่มีคนไทยเป็นประธาน คือ ดร.วิโรจน์ สุ่มใหญ่ เป็นประธานชุดนี้"
นายสุทิน กล่าวอีกว่า ตนได้สอบถามไปยังท่านวิโรจน์ ว่า ตกลงขัดกับยูเอ็นหรือไม่ ซึ่งท่านบอกว่า ขัด และจะมีการดำเนินการ เพียงแต่รอให้ทำผิดสำเร็จ แต่ประจวบที่ท่านหมดวาระพอดี ซึ่งท่านอยู่ถึง 2 วาระ เมื่อกลับมาไทย จึงได้มีโอกาสได้หารือข้อมูลตรงนี้ อย่างไรก็ตาม ประกาศกระทรวงสาธารณสุข หากไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลปกครองตีความ ตนมองว่า อาจโมฆะ เพราะเมื่อเทียบกับมติรัฐสภา ไม่ได้ให้ทำเกินขนาดนั้น เราให้แค่การแพทย์และวิจัยเท่านั้น  

00 "สุทิน" ชูหลายประเทศไม่ได้เสรี มีเสรี แต่กำลังประสบปัญหาเหตุขัดอนุสัญญาเดี่ยว

"พูดถึงตรงนี้อาจมีคนเถียงว่า ทั่วโลกทำได้ หลายประเทศทำได้ บางคนอ้างเนเธอแลนด์ สหรัฐ แคนาดา อุรุกวัย ก็จริง ซึ่งในโลกนี้มีหลายประเทศละเมิด ละเมิดเล็กน้อยเยอะ แต่หนักๆ คือ แคนาดา กับอุรุกวัย ซึ่งเปิดเสรี  โดย 2 ประเทศนี้กำลังถูกดำเนินการ โดยนายกฯอุรุกวัย ขึ้นกล่าวกับสภา บอกกับประชาชน ว่า กัญชาเสรี คือ มรดกบาปจากรัฐบาลก่อน และจะหาทางยกเลิกให้ได้ เนื่องจากไปทำประชามติคนในอุรุกวัยเกือบ 60-70% ไม่เอา เพราะส่งผลเสียมากกว่าผลดี ได้เงินมาดีแต่ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายสาธารณสุข"

นอกจากนี้ แคนาดาก็เช่นกัน โดนหนักโดยธุรกรรมทางการเงินทั่วโลกไม่ติดต่อด้วย และประเทศมุสลิมไม่ยอมรับจึงงดทำธุรกรรมกับประเทศ และสหรัฐมีการทำกัญชาเสรี แต่ไม่กี่รัฐ เพราะบ้านเขาบอกว่า มีการติดยาเสพติด และทดลองเอากัญชาไปทำ และต้องเข้าใจว่า รัฐกลางของเขาไปยกเลิกรัฐท้องถิ่นไม่ได้ แต่รัฐกลางถูกตั้งคำถามจากยูเอ็น จึงได้ตอบยูเอ็นว่า มีมาตรการแซงชั่น โดยงดทำธุรกรรมกับรัฐเหล่านี้ ที่สำคัญมีรายงานทางการแพทย์ว่า เมื่อติดกัญชาจะพาไปสู่ติดอย่างอื่นด้วย

ส่วนเนเธอร์แลนด์ ที่ชอบเอามาพูดว่าเสรีๆ จริงๆไม่ใช่ ซึ่งเนเธอแลนด์มีปัญหายาเสพติดเยอะ และขอยูเอ็นในการทดลองเสพกัญชา เพื่อลดยาเสพติดอื่นๆ แต่กำหนดเข้มงวดมาก อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี กำหนดโซนชัดเจน ทำเป็นโซนใน 26 คอฟฟีชอปในกรุงอัมสเตอร์ดัม  ซึ่งการกระทำเหล่านี้ต้องรายงานยูเอ็นทุกปี แต่มีรายงานว่าไม่คุ้มเช่นกัน เนธอร์แลนด์ คือ เป็นย่านหนึ่ง แต่ไทยจะทั้งหมด

ส่วนออสเตรเลีย ที่คนบอกว่า อังกฤษซื้อข้ามจากออสเตรเลีย โดยอังกฤษค้นพบเรื่องการแพทย์ จะปลูกแต่ปลูกไม่ได้เพราะเมืองหนาว จึงให้ออสเตรเลียปลูก โดยทั้งสองประเทศทำเรื่องขอยูเอ็น และมีรายงานตลอด โดยให้ทางการแพทย์เท่านั้น

"ฟังมาถึงตรงนี้ เชื่อหรือยังว่า ขัดกติกาโลก และยังขัดรัฐธรรมนูญในราชอาณาจักรไทย มาตรา 66 ที่ให้รัฐพึงส่งเสริมสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ ที่สำคัญให้ความร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศ และคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติ และของคนไทยในต่างประเทศ ซึ่งยูเอ็น เป็นองค์กรของโลก หากเราไม่ให้ความร่วมมือกับเขา โดยอ้างว่าเพื่อประโยชน์คนไทย ซึ่งได้ประโยชน์จริงหรือไม่ และขัดรัฐสภาไทยอีก ตรงนี้ต้องตีความกันหน่อย ไม่งั้นรัฐสภาไม่มีน้ำยา อีกทั้ง กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศปลดปล่อยกัญชาชัดเจน แบบนี้ถูกหรือไม่ มีการขายกันเต็ม ขายเสรีเยอะแยก เด็กสูบกันเต็ม" นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า หลังวันที่ 9 มิ.ย.65 กลายเป็นวิวาทะปัญหาเยอะไปหมด ล่าสุดราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ออกประกาศมาชัดเจน อย่างฉบับแรกเรื่องเด็กรับผลกระทบป่วยต้องเข้ารพ. 6 ราย มีรายละเอียดอยู่  ต่อมาฉบับสองเรียกร้องให้กัญชา ไปสู่ยาเสพติด และดำเนินนโยบายสายกลาง ควบคุมให้ดี นอกจากนี้ ยังมีแพทยสภา สภาวิชาชีพด้านสาธารณสุขอื่นๆ  มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย สำนักจุฬาราชมนตรี และยังมีหน่วยงานศึกษาต่างๆ ออกประกาศกัญชาเป็นของต้องห้ามในพื้นที่สถานศึกษา
"เมื่อมาถึงจุดนี้ จะทำอย่างไรต่อไป จะยอมเสี่ยงการขัดยูเอ็น เสี่ยงข้อโต้แย้งจากองค์กรแพทย์ และสาธารณสุข และองค์กรอื่นๆ ซึ่งท่านจะยอมเสี่ยงหรือไม่ ก็ต้องมาคิดว่า ท่านทำเพื่ออะไร หากเพื่อสุขภาพของคนไทย เพื่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่คิดไม่ผิด เพียงแต่การคำนวนผลดีผลเสียอาจไม่ดีพอ หรืออาจมีเจตนาใดกันแน่" นายสุทิน กล่าว

 

00 "สุทิน" เผยเกือบไม่รอด เพราะเมนูกัญชา

หากมีพิจารณาว่า ทำเพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพ ก่อนอื่นต้องเริ่มตั้งแต่มีการพูดทำนองคุณของกัญชา จนคนเชื่อว่า มีประโยชน์มากมาย มีการออกผลิตภัณฑ์จำนวนมาก อย่างตนโดนกับตัว เมื่อไม่นานมานี้ มีนัดกินข้าวกับเพื่อน เป็นการเลี้ยงต้อนรับทูตเพื่อนบ้าน ซึ่งมีเพื่อนๆมาร่วมวงกัน มีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว  มีนายอดิศร เพียงเกษ เกือบสิบกว่าคน โดยการไปกินข้าวบอกว่า มีเมนูกัญชาเพียบ ทั้งต้ม ผัด ตนก็กิน ซึ่งตอนนั้นก็ไม่กลัวหรอก กินไปเยอะ แต่ไม่ได้ดูว่า มีดอกกัญชาอยู่ในอาหาร  

"ปรากฎว่า เวียนหัว หายใจไม่ออกทันที คลานขึ้นบันได จากนั้นนายอดิศร เป็นรายที่สองขับรถกลับบ้านไม่ถูก มีแค่หมอชลน่าน ที่รอด เมื่อไปถามทำให้ทราบว่า เขารู้ว่ากัญชามีสาร 2 ตัว คือ CBD และ THC  ซึ่งสาร CBD มีประโยชน์ อย่างลมชัก ภาวะเกร็ง และอื่นๆ แต่โทษก็มี อย่าง THC อันตราย เพราะมีโทษทำลายสมอง ทำลายระบบประสาท โดยเฉพาะในวัยเด็ก จะส่งผลต่อสมองมาก  ดังนั้น บอกว่ากัญชาเป็นคุณวิเศษไม่ได้ ต้องบอกว่า มีคุณอนันต์ และมีโทษมหันต์ สิ่งสำคัญการใช้ต้องควบคุม นี่คือการที่ผมจะตั้งข้อกล่าวหาว่า เมื่อปลดล็อกกลับไม่ควบคุม ไม่ให้ข้อมูลชาวบ้านที่ดีพอ" นายสุทิน กล่าว 

นายสุทิน อภิปรายเพิ่มเติมอีกว่า  การจะมาบอกว่า ปลูกได้กี่ต้นๆ มีคุณประโยชน์ แบบนี้อันตรายมาก ส่วนที่ระบุว่า มีการคุมไม่ให้สาร THC เกิน 2% ถามว่าใครจะไปตรวจ ชาวบ้านตรวจอย่างไร ดังนั้น หากปล่อยแบบนี้ต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า ท่านอนุทิน จะตอบว่า กำลังจะออกกฎหมายมาควบคุม แต่ตนได้ไปดูพบว่า กฎหมายยังไม่ควบคุมดีพอหรอก คนก็ยังใช้ช่องเสรี และยังไม่สามารถตรวจ THC เกินขนาดได้อยู่ดี ออกกฎหมายแต่เชิงปฏิบัติทำไม่ได้ แบบนี้ต้องไปคิดแล้วว่า คุ้มหรือไม่คุ้ม ขนาดยาแผนปัจจุบันดีแค่ไหนก็มีโทษเช่นกัน จึงต้องมีการควบคุมมาตลอด อย่างการให้ยาแต่ละชนิด ยังต้องบอกว่า กินก่อนอาหาร กินหลังอาหาร กินวันละกี่เม็ด กินมากไม่ได้  สมัยก่อนร้านขายยาไม่มีเภสัชกรพังไปแล้ว จนกระทรวงสาธารณสุขออกกฎต้องมีเภสัชกรประจำร้านยา

ส่วนประโยชน์เรื่องเศรษฐกิจ ที่ท่นอนุทินบอกว่า จะรวยจะทำให้คนรวย เรื่องนี้ต้องตั้งหลักดีๆ เพราะเจตนาดี คำถามแรก ปลูกแล้วขายที่ไหน วันนี้ที่ทำเยอะๆ มีการปลูกให้ชาวบ้าน มีการลงทุนกันมากมาย จะไปขายไหน เพราะทุกประเทศทั่วโลกยังถือว่า เป็นยาเสพติดอยู่ มีกี่ประเทศเตือนคนของเขาไม่ให้มาไทย บางคนมาไทยพกกัญชากลับถูกจับ แต่หากพูดว่า ทำเป็นอุตสาหกรรม ก็ต้องมาดูว่า การทำเป็นอุตสาหกรรมต้องอยู่ในอนุสัญญา คือ อุตสาหกรรมยา

"มาตรา 23 ในอนุสัญญา ระบุว่า การจะปลูกกัญชา เพื่อแปรรูปทำเป็นอุตสาหกรรมทางยา ในประเทศนั้นๆต้องมีองค์การเฉพาะตั้งขึ้น  โดยองค์กรนี้จะทำหน้าที่พิจารณาให้ปลูก โดยการกำหนดโซนนิ่งว่า ปลูกที่ไหน เท่าไหร่ และมีการรายงานต่อองค์กร INCB  โดยองค์กรเฉพาะที่ตั้งขึ้น นอกจากจะควบคุมแล้ว ต้องเป็นผู้รับซื้อ และให้ประเทศอื่นๆ มารับซื้อกับองค์กรนี้ แต่วันนี้เราสื่อสารไม่ครบ หรือสื่อสารผิด  การจะขายตรงเป็นไปตามกฎยูเอ็น จึงไม่ง่าย ที่สำคัญโลกยังไม่ได้ยอมรับ"

หากกรณีว่า มีผลต่อเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว โดยอาจทำเป็นฮับกัญชา ซึ่งเรื่องนี้ต้องกำหนดยุทธศาสตร์ให้ชัดว่า จะขายอะไรให้นักท่องเที่ยว ที่ผ่านมาประเทศไทยขายเฟรนลี่ การไปทะเล อาบแดด ดูวัฒนธรรม ดูความงามศิลปะ อันนี้คือจุดขายของไทยมาตลอด หากจะเอากัญชาเป็นจุดขาย ก็ได้ แต่ก็จะได้พวกสูบกัญชามา พวกกลุ่มนักท่องเที่ยวครอบครัว ผู้สูงอายุ เขาจะมาหรือไม่  ดูตัวอย่างมาเก๊า ชูเรื่องคาสิโน  ส่วนไทยต้องดูว่า เราต้องการขายอะไร หรืออย่าง "ฮับกัญชา"  ที่ชูว่าคนอยากรักษาตัวเองด้วยกัญชา ก็ไม่ผิด แต่ต้องทำเพื่อการแพทย์อย่างเดียว กำหนดโซนชัดเจนว่า จังหวัดไหน โดยมีการควบคุมชัดเจน ไม่ใช่แยกไม่ชัด  ดังนั้น การท่องเที่ยวต้องบวกลบคูณหารให้ดีว่า จะคุ้มหรือไม่

 

00 กระทบปัญหาสังคม เหตุทุกประกาศไร้ห้ามคนเสพกัญชา

"สิ่งที่จะได้มาคือ ปัญหาสังคม อย่างการปล่อยให้เสรี ซึ่งท่านก็บอกว่า ไม่ได้ให้เสรี แต่ผมไปดูมาไม่เห็นมีประกาศไหนห้ามคนเสพกัญชา มีเพียงห้ามเสพในที่สาธารณะ ห้ามจำหน่ายในคนอายุต่ำกว่า 20 ปี แบบนี้ก็เสพในบ้านได้หรือไม่ เด็กก็ไปเสพที่บ้าน เพสที่คนไม่เห็นได้หรือไม่ อย่างให้ปลูกบ้านละ 10 ต้น ก็จะมีกัญชาไปทั่ว บานไปหมด เด็กไปเอามาเสพได้แน่นอน ผู้ปกครองห่วงว่า จะป้องกันเด็กออกจากกัญชาได้หรือไม่ อย่างโรงเรียนไม่ให้เสพ ก็ไม่ทันหรอก เพราะเด็กเสพที่บ้าน เสพที่อื่นแล้ว เวลาเมาก็ไม่มาโรงเรียนแล้ว" นายสุทิน กล่าว

นอกจากนี้ ท่านทราบหรือไม่ว่า ยาบ้า ยาเสพติดก็แก้ปัยหายากอยู่แล้ว แต่มีกัญชาอีก แม้มีกฎหมายควบคุม แต่ทางปฏิบัติคุมได้หรือไม่ หลักการยาเสพติดที่ทำกันทั่วโลกคือ ป้องกัน ปราบปราม และบำบัด โดยการป้องกัน ทางที่ดีที่สุดคือ ต้องให้ยาเสพติดห่างจากเยาวชน เอาออกไปไกลๆ แต่วันนี้ทำตรงกันข้าม เอาไปถึงบ้าน

00 "สุทิน" ถามนโยบายกัญชา มีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ 

นายสุทิน กล่าวอีกว่า ทั้งหมดคือ ละเมิดกฎหมายโลก ละเมิดรัฐธรรมนูญไทย ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเกินที่สภาอนุมัติ ละเลยไม่ควบคุม ส่งผลกระทบไปหมด และกว่ากฎหมายจะออกมาควบคุม ถึงมีกฎหมายทางปฏิบัติคุมได้หรือไม่ กรณีละเมิดยูเอ็น อีกไม่นานจะมีการดำเนินการจากยูเอ็นแน่ๆ ดังนั้น พิจารณาแล้วมีประโยชน์อะไร มีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ อย่างข้อแรกประโยชน์ทางการเมือง เพราะหาเสียงมาหรือไม่ อันนี้ไม่เอ่ยชื่อพรรค มีเกียรติภูมิกันหมด อย่างนายกฯ ก็เรื่องการเมือง ยอมทุกอย่าง ไม่คำนึงถึงเด็ก ถึงเยาวชน ถึงภาพพจน์ประเทศ นี่ผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่

"มีข้อมูลว่า มีนักการเมืองใหญ่ทำไร่กัญชาในประเทศเพื่อนบ้าน  ลือกันหมด พอหลังวันที่ 9 มิ.ย.65 พบทันทีขายกันเต็ม นี่วางแผนกันก่อนหรือไม่ ล่าสุดมีคนกระซิบว่า มีบริษัทยักษ์ใหญ่ตกลงกับนักการเมืองไทยเรื่องนี้ อันนี้เป็นข่าวเลย ล่าสุดมีข่าวว่า ครอบครัวชาญวีรกูล ถือหุ้นลุยธุรกิจกัญชง แต่ท่านรัฐมนตรีของเราเขาไม่มีชื่อในนั้น มีการแจงทรัพย์สินหมด แต่ที่สำคัญคือ เรื่องนี้มีธุรกิจได้รับผลประโยชน์ ก็ต้องมาดูว่ามีเรื่องประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ทั้งหมดสังคมถามมา.." นายสุทิน กล่าว

ขอถามแทนนักธุรกิจรายย่อย ธุรกิจชุมชนไปจดทะเบียนปลูกจำหน่ายกัญชากันมาก อย่างทุกวันนี้กว่าจะปลูกได้และได้สารสกัดได้เข้มข้นในระดับเข้มข้น ไม่ใช่เรื่องง่าย มีทั้งการปลูกในโรงเรือนปิด ดินมาตรฐาน ลงทุนกันเป็น 20 ล้าน แล้วชาวบ้านที่ปลูกๆกันจะไปขายได้อย่างไร ขายไม่ได้อยู่แล้ว อย่างปลูกครอบครัว 10 ต้น ทางรัฐสภาไม่ได้ให้ขาย แต่ในคลิปที่ไปชูนโยบายนี้ สื่อสารผิดหรืออย่างไร 

00 ชงกลับใจให้นำ "กัญชา" กลับสู่ยาเสพติดตามเดิม

"วันนี้หากท่านกลับใจว่า กัญชาให้ใช้แค่การแพทย์ และเอากัญชาไปไว้ในยาเสพติดเหมือนเดิม ท่านจะทำหรือไม่ เพราะอย่างไรเสียกฎหมายออกมา ก็คุมกัญชาออกจากเด็กไม่ได้อยู่ดี ตอนนี้กระทรวงเกษตรฯ ยังไปแจกต้นกล้ากัญชาด้วย" นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน อภิปรายต่อว่า  จึงขอฝากคนปลูกกัญชา ว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้คัดค้าน นโยบายท่านก็ไม่ได้คัดค้าน แต่เพียงมีทางทำได้โดยไม่ก่อผลกระทบ อย่างจากยูเอ็น ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องปลดจากยาเสพติด แต่เราไปขออนุญาตยูเอ็นว่า ขอทำแค่การแพทย์ และตั้งองค์กรขึ้นมาควบคุมตามมาตรา 23 ไม่ดีกว่าหรือไม่  ส่วนนักธุรกิจที่ลงทุนไปแล้ว แต่ขายไม่ได้ ต้องเยียวยาก่อนจะกระทบมากไปกว่านี้ ส่วนทำเรื่องยาก็ให้ปลูกหลังรพ.สต. กำหนดโซนชัด ให้ชาวบ้านได้ใช้เรื่องสุขภาพ แต่วันนี้คงสายไปแล้ว เพราะดูเจตนาเป็นเรื่องอื่น หากท่านอยู่ต่อไป เรื่องกัญชาคงเตลิดไปกว่านี้

"เมื่อความผิดสำเร็จ ทางยูเอ็นจะมาเข้ามาดำเนินการกับไทยแน่ๆ  ที่ผ่านมายูเอ็นกดดันคุณวิโรจน์ตลอด และหลังจากนั้น เขาจะขึ้นบัญชีเราว่า ละเมิดกฎ และจะเสียสิทธิทางยา จนในที่สุดอาจงดให้ความร่วมมือการปราบยาเสพติดกับประเทศเรา และหากเรายังดื้อต่อไป ก็อาจจะขับออกจากภาคี แบบนี้เกียรติภูมิ ความเชื่อมั่นเป็นอย่างไร" นายสุทิน กล่าว และว่า นอกจากเรื่องยูเอ็น ผลกระทบในประเทศเราก็จะมีมากขึ้น นอกเหนือจากที่กล่าวมาทั้งหมด

ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้คัดค้านกัญชา แต่ต้องอยู่ในกรอบการแพทย์การวิจัย ไม่ขัดมติโลก และป้องกันเรื่องสันทนาการให้ได้ ตั้งหลักก่อน อย่ารีบ ให้ความรู้ดีๆ ให้องค์กรของประเทศพร้อมรับมือและค่อยเดินหน้า แต่ก็สายไปแล้วเพราะถึงตอนนี้ไม่ไว้วางใจให้บริหารประเทศแล้ว

 

อ่านต่อ : "อนุทิน" ตอบข้ออภิปรายไม่ไว้วางใจ ลั่น "กัญชา" ไม่ผิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ไม่มีช่องโหว่ในทางปฏิบัติ

 

ขอบคุณภาพจาก :  เพจเฟซบุ๊ก วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org