ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“อนุทิน” โต้เดือด  “หมอสุรวิทย์” ใช้ข้อมูลเท็จอภิปรายไม่ไว้วางใจ กล่าวหาบริหารโควิดล้มเหลว  ขอให้กรองข้อมูลให้ดีก่อน ย้ำ! การซื้อยา-วัคซีน เป็นไปตามกฎหมาย ทันเวลา ข้อมูลยืนยันชัดช่วยเซฟชีวิตคนไทยกว่า 4.9 แสนคน 

เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 19 ก.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวชี้แจงภายหลัง นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย กรณีอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีบริหารโควิด19 ว่า  ประเด็นการบริหารงาน สธ. ในสถานการณ์โควิด 19 ซึ่งเรื่องนี้ถูกจัดเป็นหัวข้ออภิปรายตนทุกครั้งที่มียื่นยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตน ซึ่งที่ผ่านมตนก็พยายามหาข้อมูลมาชี้แจง ส่วนที่เป็นประโยชน์ก็นำไปทำประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ได้ปิดกั้นความเห็น

 
ปีนี้เป็นปีที่ 3 ผลปรากฏชัดว่าสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ ระบบสุขภาพไม่ได้ล่มสลายเหมือนที่หลายคนอภิปราย ประเทศไทยมีเตรียมการรองรับการระบาดของโรค ก่อนองค์การอนามัยโลกประกาศโรคเฝ้าระวัง ถึง 6 สัปดาห์ และตรวจพบคนติดเชื้อรายแรกนอกประเทศต้นกำนิดโรค เราเตรียมทุกองคาพยพ เพื่อเตรียมพร้อมเฝ้าระวัง คัดกรอง รักษา มียารักษา ซึ่งคนเสียชีวิตส่วนใหญ่ขณะนั้นเป็นผู้มีโรคแทรกซ้อน แต่ทุกครั้งที่มีผู้เสียชีวิต บุคลากร ท่านนายกฯ ตนเองต่างเสียใจทั้งสิ้น เพราะไม่ได้อยากให้มีใครเสียชีวิต เราพยายามทุกอย่างเพื่อป้องกัน รักษาชีวิตประชาชน 
ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็น 1 ในไม่กี่ประเทศที่รักษาผู้ป่วยทุกรายทั้งใน และนอกสถานพยาบาล รัฐบาล โดยนายกฯ สั่ง สธ. ผ่านตนให้รับผิดชอบค่ารักษา ยา เวชภัณฑ์และค่าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นผู้บริหารจัดการ รวมถึงเร่งจัดหาวัคซีนที่ปลอดภัย ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกมาฉีดเสริมภูมิ ถึงตอนนี้ฉีดแล้วกว่า 140 ล้านโดส มากกว่า 70% ของประชากร และมากกว่า 90% ของประชากรกลุ่มเสี่ยง ทั้งนี้วัคซีนทุกชนิดทั้งเชื้อตาย ไวรัลเวคเตอร์ และ mRNA สามารถป้องกันการติดเชื้อ ลดความเสี่ยงอาการรุนแรง และเสียชีวิตได้

ล่าสุดมีการเปิดเผยงานวิจัยโดยมหาวิทยาลัยนเรศวร และมหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมาพบว่าสรุปว่าวัคซีนที่ฉีดให้คนไทย รักษาคนได้กว่า 4.9 แสนคน หมายความว่าหากไม่ฉีดวัคซีนเหล่านี้ให้ประชาชนทั่วประเทศทันเวลา ไม่ล่าช้า ก็จะมีคนเสียชีวิตจากโควิด นับแสนราย ดังนั้น ขอความกรุณาท่านต้องไม่ด้อยค่าวัคซีน ซึ่งวันนี้เรามีครอบคลุมตั้งแต่เด็กถึงวัยชรา นำหน้าหลายประเทศ ไม่มีวัคซีนเหลือ หรือรอวันหมดอายุ หรือเอาไปเททิ้ง ประเทศไหนเททิ้ง ขอให้นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย แจ้งมา ตนจะไปขอรับบริจาคให้ประเทศไทยเพื่อนำไปฉีดกับบุคลากรที่มีความเสี่ยงอื่นๆ ไม่ว่าจะคนไทย หรือตามชายแดน หรือส่งต่อไปให้ประเทศที่ไม่มีกำลังในการต่อรองจัดซื้อวัคซีนเพื่อเขาดูแลประชาชนได้  

 

ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ที่คนอภิปราย พยายามด้อยค่าวัคซีนที่ผลิตจากจีน ซึ่งเป็นประเทศที่สนับสนุนเวชภัณฑ์แก่ไทยจำนวนมาก ด้อยค่าแอสตร้าเซเนก้า ที่ไว้ใจประเทศไทยไทยมาตั้งฐานการผลิตในไทย เพื่อให้ไทยเข้าถึงวัคซีนได้ง่ายขึ้น ขอกราบเรียนประธานสภาฯ ไปถึงผู้อภิปรายว่าท่านอย่าฟังเฉยๆ มีคนทำสไลด์ให้แล้วท่านมาพูด ท่านเป็นแพทย์ ท่านอยู่ สธ.มาก่อน ท่านเคยเป็นเลขานุการ รมว.สธ. สมัยที่ตนเป็น รมช.สธ. เราเข้าใจซึ่งกันและกัน ทำงานด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ทัศนคติของท่านต่อ สธ. เปลี่ยนแปลงไป  

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า คนใน สธ.ยังเรียกท่านอาจารย์ทุกคน คิดว่าท่านจะสนับสนุนในสิ่งที่เขาทุ่มเท เพื่อทำให้ประชาชนปลอดภัยจากโควิด ยาก็มีเพียงพอ สิ่งที่ท่านควรจะทำในฐานะเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย คือไปขอร้องประชาชนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนให้มาฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เพื่อจะได้ออกมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แม้โควิดยังอยู่ แต่ปัจจุบันรัฐบาลไม่มีข้อห้ามอะไร ยกเว้นขอความร่วมมือให้สวมหน้ากากอนามัยเวลาอยู่ข้างนอกที่มีคนเยอะ และเว้นระยะห่าง ล้างมือ ทำให้สถานการณ์โควิดอยู่ในสภาพควบคุมได้จนถึงปัจจุบัน 

“ข้อมูลที่ท่านเอามานำเสนอนั้นเป็นเท็จ ต้องขออนุญาตกราบเรียนจริงๆ ท่านไม่ได้กรอง แต่พวกผมหน้างาน กรองแล้ว ก่อนจะมาพูดอะไรให้ท่านฟังต้องถามแล้วถามอีก ถามคนหนึ่งแล้วยังต้องไปถามคนอื่นอีก เพื่อเป็นการตรวจซ้ำการเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้สู่การรับรู้ของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับสุขภาพและชีวิต เช่นดูถูกหลักการแพทย์ ด้อยค่าวัคซีน ด้อยค่าภัณฑ์ ท่านโหดร้าย ท่านเหี้ยมโหดมาก และทุกอย่างท่านแลกหมด แลกแม้กระทั่งชีวิตประชาชนเพียงเพื่อตอบสนองเป้าหมายทางการเมือง มันไม่คุ้มค่า ท่านไม่ควรทำ เพราะเราเป็นผู้แทนของพวกเขา" นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า วันนี้ขอพวกท่านเว้นเรื่องสาธารณสุขสักเรื่อง ประชาชนต้องเผชิญความยากลำบากมามากพอแล้ว ถ้าจะขับเคลื่อนทางการเมืองมีอีกหลายประเด็นที่ทำได้ เราไปแข่งขันกันได้ในพื้นที่ของเรา ถ้าท่านมองว่านี่เป็นความบาดหมางทางการเมืองของท่านกับพวกตน ก็ขอให้เป็นเองของพวกเรา อย่าเอาประชาชนทั้งประเทศมาเกี่ยวข้อง ดังนั้น ขออย่าเอาความเท็จมาให้ประชาชน ซึ่งสร้างความตระหนก สิ่งที่ท่านพูดมาทั้งหมด สุดท้ายองค์การอนามัยโลกยกย่องไทยเป็นต้นแบบประเทศรับมือโควิดยอดเยี่ยม และสถาบันที่น่าเชื่อถือของโลก มีการประเมินความมั่นคงทางสุขภาพปี 2564 ให้ไทยมีความมั่นคงทางสุขภาพ พร้อมรับมือการระบาดอันดับ 5 ของโลก อันดับ 1 ของเอเชีย นี่คือผลการดำเนินการตลอดการดำเนินการระบาด

 
ยืนยันว่าการบริหารจัดการยาช่วงโควิด สธ.ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมายทุกประการ บางครั้งจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องจัดซื้อจัดหาก็เสนอให้ครม. ศบค. รับทราบ และขอความเห็นชอบ ทั้งนี้ ยา และเวชภัณฑ์ขึ้นทะเบียนใช้ในภาวะฉุกเฉิน ไม่ได้หาทั่วไปในท้องตลาด ที่บอกว่าซื้อมาเสียหมื่นบาท เสีย 3 พันบาท ถ้าเอาของผลิตในประเทศใกล้เคียงเสีย 1 พันบาท แบบนี้ท่านทำผิดกฎหมาย ทั้งผู้ซื้อผู้ขาย นำไปฝากเพื่อนก็ผิด เพราะยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อยู่ภายใต้การใช้ฉุกเฉิน เขาขายให้รัฐ ไม่ได้ขายให้เอกชน จึงต้องซื้อผ่านองค์การเภสัชกรรมภายใต้กฎหมาย ย้ำยาที่ใช้ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลกทุกตัว และที่ซื้อเป็นไปตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ 

ล่าสุดบริษัทแอสตร้าฯ ได้เปิดเผยผลวิจัยพบว่าวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทย สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันสูง 73% ไม่ต่างจาก mRna และวัคซีนในโกก เราต้องเชื่อ เพราะเป็นผลวิจัยทางวิชาการ ที่กำลังจะส่งข้อมูลให้ อย. ต่อไป และที่ท่านด้อยค่านั้น ล่าสุดกรมควบคุมโรคไปเจรจากับแอสตร้าฯ มีการจัดหาภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปมาให้กับกลุ่มเสี่ยงที่รับวัคซีนแล้วแต่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันไม่ได้ เป็นต้น 

ส่วนการระบาดใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เพราะเรามีการผ่อนคลายมาตรการต่าง แต่สถานพยาบาลทั่วประเทศเตรียมความพร้อม และร่วมมือกับโรงเรียนแพทย์ และรพ.นอกสังกัด สธ. เพื่อร่วมมือกัน ในการบริหารจัดการ ดูแลคนไข้แล้ว 

 

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก วิทยุและโททรทัศน์รัฐสภา

ข่าวเกี่ยวข้อง : 

- "สุทิน" ซัดนโยบายกัญชา ทุกประกาศไร้ห้ามคนเสพ หวั่นประโยชน์ทับซ้อน ชงนำกลับสู่ยาเสพติดตามเดิม

สธ.โต้กลับปมอภิปรายไม่ไว้วางใจ "กัญชา" แจงชัดไม่ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ  

-"หมอวาโย" พรรคก้าวไกล อภิปรายเปิดปมคาใจขั้นตอนออกกฎหมายกัญชาเสรี

-"อนุทิน" ตอบข้ออภิปรายไม่ไว้วางใจ ลั่น "กัญชา" ไม่ผิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ไม่มีช่องโหว่ในทางปฏิบัติ 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org