ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมวิทย์เผยสายพันธุ์ BA.2.75  ในไทยมีรายงานเพียง 1 ราย แต่อาจมีมากกว่านี้ เนื่องจากการตรวจสายพันธุ์จำเป็นต้องถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว การตรวจเบื้องต้นระบุตรงๆไม่ได้  เพียงแต่หากพบตัวอย่างไม่เข้ากับสายพันธุ์ที่พบอยู่ให้ส่งตรวจกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ล่าสุดอีก 1 สัปดาห์เตรียมพัฒนาน้ำยาพิเศษตรวจเฉพาะให้ศูนย์วิทย์ทั่วประเทศ ขณะที่ผลการตรวจภูมิคุ้นกันคนรับวัคซีนเข็ม 3 ต่อ BA.5 เทียบ BA.2 ออกแล้วพบ ลดลง แต่ยังป้องกันเชื้อได้

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)  นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวกรณีการเฝ้าระวังโควิดสายพันธุ์  BA.2.75  ตอนนี้ในประเทศไทยมีรายงานเพียง 1 ราย แต่คงมีมากกว่านี้  แต่ตอนนี้การตรวจสายพันธุ์นี้จะต้องดำเนินการด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว  การตรวจเบื้องต้นยังระบุตรงๆว่าเป็น BA.2.75 ไม่ได้  แต่ถ้าใครตรวจแล้วไม่เข้ากับสายพันธุ์BA.1 BA.2 BA.4 BA.5 จะต้องส่งตัวอย่างมากตรวจโดยเร็วว่าเป็น BA .2.75  หรือไม่ และอีกราว 1 สัปดาห์จะสามารถส่งน้ำยาเฉพาะเพื่อให้ห้องแล็ปในต่างจังหวัดสามารถตรวจได้เลย และข้อมูลจากGISAID  มีรายงาน 538 ราย ขึ้นมาจากเมื่อวันที่ 20  ก.ค.2565บ้าง แต่ไม่ได้มากมาย ต้องจับตาดูต่อไป 

นพ.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า กรมได้ดำเนินการติดตามภูมิคุ้มกันในคนที่ได้รับวัคซีนเข็ม 3 ต่อไวรัสจริงสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.5 เทียบกับ BA.2  โดยการเพาะเชื้อเป็นๆเมื่อได้ปริมาณมากแล้ว นำมาทดสอบกับคนที่ฉีดวัคซีน 3 เข็ม โดยวิธี Plaque Reduction Neutrlization Test(PRNT) เอาเชื้อเป็นๆมาทดสอบกับภูมิคุ้มกันในน้ำเลือดหลังฉีด 2 สัปดาห์ ต้องใช้ห้องแล็ปที่มีความปลอดภัยระดับ 3 ขึ้นไป เป็นวิธีมาตรฐานโลกที่บอกว่าฆ่าเชื้อได้จริงหรือไม่ พบว่า

       สูตรซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วย แอสตร้าเซนเนก้า ภูมิฯต่อBA.5ลดจาก 203.5 เหลือ 89.79

       สูตรซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วย ไฟเซอร์ ภูมิฯต่อBA.5ลดจาก 345.8 เหลือ 153.8

       สูตรแอสตร้าฯ 2 เข็ม ตามด้วยไฟเซอร์  ภูมิฯต่อBA.5ลดจาก 226.2 เหลือ 86.51

       สูตรซิโนแวค แอสตร้าฯ ตามด้วย แอสตร้าฯ ภูมิฯต่อBA.5ลดจาก 84.60 เหลือ 43.60

“ โดยสรุป BA.5 หลบภูมิที่เกิดจากวัคซีนได้ดีกว่า BA.2  แปลว่าวัคซีนมีผลน้อยลง แต่อย่างที่ทราบหากไตเตอร์จางไป 1 ต่อ 10 ถือว่าน่าจะป้องกันโรคได้อยู่ตามสมควร เพราะฉะนั้น วัคซีน 3 เข็มทุกสูตรมีค่าเกิน 10 ไปมาพอควร หมายความคนฉีด 3 เข็มถ้าระยะไม่นานนัก ช่วยป้องกันโรคได้ตามสมควร แต่ป้องกันความรุนแรง อาการหนักช่วยอยู่แล้ว ดังนั้น ทุกสูตรเมื่อเวลาผ่านไป  3,  4  และ 6 เดือน  ค่อยเริ่มลดระดับลง ก็อาจจะลดลงกว่านี้เมื่อเจอ BA.5  มีความจำเป็นต้องฉีดเข็มกระตุ้น หากฉีดเข็มสุดท้ายมานานแล้ว ขอให้ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อยกระดับภูมิคุ้มกันมากขึ้น ทำให้ป้องกันโรคหรือป้องกันความรุนแรงจะเข้มแข็งขึ้น” นพ.ศุภกิจ กล่าว  

    

นพ.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า สอดคล้องกับการศึกษาในต่างประเทศ ที่พบว่า หลังติดเชื้อแล้ว 2 สัปดาห์  เมื่อติดสายพันธุ์ BA.1  BA.2 จะมีภูมิฯสูงต่อสายพันธุ์นั้น แต่เมื่อเป็นสายพันธุ์ BA.4 BA.5ภูมิก็ลดลงอีก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อได้อีกแค่หลังติด 1-2 สัปดาห์  หลังติดเชื้อ 28 วันก็เช่นกัน เมื่อติดเชื้อแล้วมีภูมิฯขึ้นสูงใน 4 สัปดาห์ แต่เจอ BA.4 BA.5ภูมิลดลงประมาณ 3 เท่า น่าจะติดเชื้อซ้ำได้

       

“คนที่ได้รับวัคซีน 3 เข็ม เป็นแอสตร้าฯหรือไฟเซอร์ จะพบภูมุค้มกันต่อ BA.4 BA.5 ลดลง คนที่ติดเชื้อ BA.1 หรือ BA.2 จะพบภูมิคุ้มกันต่อ BA.4 BA.5 ลดลง ส่งผลให้มีโอกาสเกิดการติดเชื้อซ้ำได้อีก  ฉะนั้นผู้ที่ได้รับวัคซีน 3เข็ม จะมีภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน BA.5 ลดลงแต่ยังป้องกันการติดเชื้อรุนแรงได้  ผู้ที่ได้รับวัคซีน 3 เข็ม โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงควรได้รับเข็ม 4 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอนBA.5ลดการติดเชื้อและความรุนแรงของโรค และมาตรการดูแลตนเองใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ยังมีประโยชน์ในการป้องกันการติดเชื้อ”  นพ.ศุภกิจ กล่าว 

 

ด้าน ดร.สุภาพร ภูมิอมร ผู้อำนวยการสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า  สายพันธุ์ BA.4/BA.5 จะเห็นได้ว่ารายงานในต่างประเทศมีการศึกษา BA.4 / BA.5 เป็นการดูภูมิคุ้มกันร่วมกัน เนื่องจาก BA.4 / BA.5 ตรงสไปก์มีความเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นระหว่าง BA.4 / BA.5 อาจจะไม่มีความแตกต่างกัน

 

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง : กรมวิทย์ เผยโควิด19 BA.4/BA.5  แพร่เร็วและรุนแรง พบชุกในพื้นที่กทม.

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org

เรื่องที่เกี่ยวข้อง