ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สหคลินิกพีเอ็มจี บางขุนเทียน พร้อมให้บริการผู้ป่วยสิทธิบัตรทองตามแนวทางหน่วยบริการปฐมภูมิโมเดล 5 ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองใน กทม. ใช้บริการหน่วยปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ คาดขึ้นทะเบียนหน่วยบริการรับส่งต่อด้านเวชกรรมแล้วเสร็จใน 1-2 วันนี้ ย้ำจุดเด่นมีอายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังสิทธิบัตรทองอย่างเต็มที่ ด้าน ผอ.สปสช.เขต 13 กทม. ชวนคลินิกเวชกรรม ใน กทม. สมัคร เพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนผู้ใช้สิทธิ รับค่าบริการแบบ Fee Schedule ครอบคลุม 4 พันรายการ  

นายอำนาจ หมื่นประทุม ผู้ประสานงานสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สหคลินิกพีเอ็มจี บางขุนเทียน กทม. หนึ่งในคลินิกที่สมัครเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการรับส่งต่อเฉพาะด้านเวชกรรม ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า ทางคลินิกได้สมัครเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการรับส่งต่อกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และคาดว่าจะลงทะเบียนแล้วเสร็จใน 1-2 วันนี้ 

นายอำนาจ กล่าวว่า สาเหตุที่ทางคลินิกตัดสินใจเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการรับส่งต่อเฉพาะด้านเวชกรรมกับทาง สปสช. เนื่องจากพิจารณาจากปัจจัยหลายๆด้าน ในส่วนของที่ตั้งอยู่ติดกับชุมชนตลาดจอมทอง การคมนาคมสะดวก ลักษณะประชากรที่เข้ารับบริการ ส่วนมากจะเป็นผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว อายะระหว่าง 40-60 ปีขึ้นไป ประกอบกับแพทย์ผู้ดำเนินการของคลินิกเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรกรรม สามารถตรวจรักษาได้ทุกกลุ่มอาการรวมทั้งโรคเรื้อรัง เมื่อพิจารณาแล้วคิดว่ามีความพร้อม จึงตัดสินใจสมัครเป็นหน่วยบริการรับส่งต่อเฉพาะด้านเวชกรรมในระบบหลักประกันสุขภาพ เพื่อให้บริการผู้ป่วยบัตรทองอย่างเต็มตัว

“ในย่านนี้จะมีทั้งโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก รวมทั้งมีศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังของรัฐด้วย ถ้าเราสามารถเป็นหน่วยบริการรับส่งต่อด้านเวชกรรมได้ ผู้ป่วยจะได้กระจายมาที่เรา ไม่ต้องไปแออัดในโรงพยาบาล เพราะฟังจากเสียงสะท้อนของผู้ป่วยบางรายบอกว่าไปรอที่โรงพยาบาลรัฐแล้วรอนาน กว่าจะได้เจาะเลือด กว่าจะได้ผลแลป ส่วนเรามีความพร้อมทั้งสถานที่ แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรกรรม สามารถตรวจแลป ตรวจเอกซเรย์ได้ สามารถลดการเดินทาง ประหยัดเวลาคนไข้ที่ต้องไปรอในโรงพยาบาลได้”นายอำนาจ กล่าว

นายอำนาจ กล่าวอีกว่า เนื่องจากจุดเด่นของคลินิกที่มีอายุรแพทย์อยู่แล้ว การร่วมเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติครั้งนี้ จะเน้นให้บริการกลุ่มผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่มีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรังเป็นหลัก โดยเปิดให้บริการตั้งแต่ 8.00-18.00 น. วันจันทร์-เสาร์ หลังจากขึ้นทะเบียนแล้วเสร็จจะให้บริการผู้ป่วยบัตรทองอย่างเต็มที่ต่อไป

“อยากเชิญชวนคลินิกเอกชนอื่นๆ สมัครเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ถ้าทุกคลินิกให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ป่วยบัตรทอง ให้การดูแลแบบครอบคลุมทั้งการรักษาและการพิจารณาภาวะเสี่ยงต่างๆ จะช่วยลดการเจ็บป่วยลงได้ เช่น ครอบครัวนี้มีผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน แล้วแพทย์เข้าไปดูถึงสมาชิกในครอบครัวว่ามีภาวะเสี่ยงหรือไม่ ให้คำแนะนำให้เข้ามารับการตรวจคัดกรองแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันการเจ็บป่วยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นายอำนาจ กล่าว

ด้าน ทพ.วิรัตน์ เอื้องพูลสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า “หน่วยบริการที่รับส่งต่อเฉพาะด้านเวชกรรม” ที่ สปสช. เปิดรับสมัคร “คลินิกเวชกรรม” ให้เข้ามาร่วมบริการผู้ใช้สิทธิบัตรทองอยู่ในขณะนี้ เป็นระบบบริการปฐมภูมิโมเดล 5 ซึ่ง สปสช.ได้พัฒนาการบริหารจัดการที่ช่วยเพิ่มช่องทางการเข้ารับบริการให้กับประชาชนผู้ใช้สิทธิในพื้นที่ กทม. โดยคลินิกเวชกรรมที่จะเข้ามาร่วมนี้ จะเป็นคลินิกเวชกรรมที่เปิดให้บริการเต็มหรือไม่เต็มเวลาก็ได้

หากคลินิกใดที่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไขการให้บริการ มีการขึ้นทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีการระบุเวลาที่ให้บริการชัดเจน แพทย์ที่ขึ้นทะเบียนและแพทย์ที่ให้บริการตรงกันก็สามารถสมัครได้ ทั้งนี้หากคลินิกฯ ผ่านการตรวจสอบข้อมูลการสมัครเบื้องต้น ตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับตามมติหลักเกณฑ์คู่มือการปฏิบัติตามข้อตกลงสัญญาให้บริการสาธารณสุขตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ก็สามารถร่วมให้บริการได้ โดย สปสช. จะชดเชยค่าบริการในรูปแบบการจายตามรายการ หรือ Fee Schedule ที่ครอบคลุมรายการบริการกว่า 4,000 รายการ 

“ขอเชิญชวนคลินิกเวชกรรมใน กทม. มาร่วมสมัครเพื่อให้บริการภายใต้ระบบบัตรทอง ดูแลผู้ใช้สิทธิและเพิ่มทางเลือกในการเข้ารับบริการ ไม่แต่ดูแลคน กทม.เท่านั้น แต่รวมถึงคนที่มาใช้ชีวิตใน กทม.” ผอ.สปสช. เขต 13 กทม. กล่าว 

ทั้งนี้คลินิกเวชกรรมใน กทม.ที่สนใจ ดูรายละเอียดการสมัครได้ที่เว็บไซต์ สปสช. www.nhso.go.th หรือไปที่ลิงค์ https://www.nhso.go.th/downloads/179 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand