ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ เผยทางการแพทย์ห่วงการใช้กัญชา ขณะที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขไม่มีบทลงโทษชัดเจน เป็นเพียงคำแนะนำ ด้าน 17 องค์กรแพทย์และราชวิทยาลัยต่างๆ หนุนกัญชาควรเป็นยาเสพติด ส่วนทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้เงื่อนไข พร้อมเสนอ 5 ข้อถึงหน่วยงานรัฐดำเนินการคุมกัญชาการแพทย์

จากกรณีเครือข่ายแพทย์  1,363 คน ได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ปิดกัญชาเสรีในสภาวะสุญญากาศทันที โดยให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด หลังจากสภาฯ ได้ถอนร่างพ.ร.บ.กัญชากัญชง และให้กลับไปทบทวน ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า ข้อเสนอดังกล่าวเหมือนกำปั้นทุบดิน มีทางออกอีกมาก

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565  ศ.นพ.สมศักดิ์ โลห่เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า  หลังจากมีสื่อให้ความสนใจและเสนอข่าวเกี่ยวกับผลกระทบจากกัญชา ไม่ว่าจะเป็นในอาหารหรือในผลิตภัณฑ์ ทำให้พ่อแม่มีความรู้เท่าทันมากขึ้น ไม่ให้บุตรหลานรับประทานอาหาร หรือ ขนมที่มีส่วนผสมของกัญชา เพราะอาจเกิดผลกระทบได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ทางการแพทย์ ที่ราชวิทยาลัยต่างๆ เรียกร้อง คือ ต้องการให้กัญชา กลับไปเป็นยาเสพติด และสนับสนุนในทางการแพทย์ ไม่ใช่เสรีแบบนี้  เพราะประโยชน์ทางการแพทย์ที่ได้ จากการใช้กัญชารักษาโรคมี แต่ถือว่าน้อย

“ โรคบางโรคแม้ใช้กัญชารักษาแล้ว และการใช้เป็นเรื่องของการทุเลา   ส่วนที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า มีประกาศกระทรวงครอบคลุม แต่อย่างลืมว่า ประกาศนั้นเป็นเพียงการให้คำแนะนำ ว่าควรใช้อย่างไร  แต่ไม่มีการบทลงโทษ ควบคุม  ซึ่ง ทำให้เกิดการควบคุมการใช้กัญชาไม่ได้” ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ 17 เครือข่ายแพทย์ ราชวิทยาลัย วิชาชีพแพทย์ต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย แพทยสภา  แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์   ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย  ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์แห่งประเทศไทย  ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยแพทย์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย  ร่วมออกข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบายกัญชาของประเทศไทย

โดยเนื้อหาในความสำคัญระบุว่า “กัญชาทางการแพทย์” นำมาใช้ได้เมื่อผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อยา และวิธีการรักษาตามมาตรฐาน ปัจจุบันแพทย์ที่ใช้กัญชาบรรเทาอาการได้ไม่เกิน 6 ภาวะ และเป็นการบรรเทาอาการเท่านั้น  อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวล คือ มีแนวคิด 2 ข้อที่กำลังก่อปัญหาในปัจจุบันและผลเสียต่อไปในอนาคต คือ 

1. กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดให้โทษ : ในทางการแพทย์และ กฎหมายสากล กัญชาคือยาเสพติดให้โทษ จึงต้องมีกฎหมายควบคุมเพื่อไม่ให้ใช้ในทางที่ผิด การกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษตามทางการแพทย์และกฎหมายสากล จะทำให้หน่วยงานรัฐนำกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับยาเสพติดมาควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดได้ การมุ่งให้ความรู้โดยไม่มีกฎหมายควบคุม ไม่สามารถจัดการปัญหายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังจะเห็นว่า หลังวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2565 องค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ มากมายต้องออกกฎระเบียบของตนเพื่อปกป้องคนในองค์กรหรือหน่วยงานจากกัญชาแทนกฎหมายจากรัฐบาล

 

2. การให้ประชาชนปลูกและใช้กัญชารักษาโรคเอง : แนวคิดนี้ขัดแย้งกับกัญชาทางการแพทย์และการควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิด เนื่องจาก

- กัญชาที่ประชาชนทั่วไปปลูกเป็นกัญชาที่ไม่มีคุณภาพและปนเปื้อนง่าย : กัญชาเป็นพืชที่ดูดซับสารพิษและโลหะหนักได้มาก การปลูกแบบมีคุณภาพทำได้ยากท ให้สารสำคัญเช่น  THC,CBD ในผลผลิตมีปริมาณที่ไม่แน่นอน

- ประชาชนไม่มีความรู้ด้านกัญชาทางการแพทย์มากพอ : ในขณะที่กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษที่อันตราย กัญชาทาง การแพทย์ก็เป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้งและมีรายละเอียดมาก เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ประเทศไทยและประเทศต่างๆ ได้กำหนดให้แพทย์และเภสัชกรต้องได้รับการอบรมกัญชาทางการแพทย์ก่อนจึงจะให้รักษาได้ การให้ผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านกัญชาทางการแพทย์รักษาผู้ป่วย นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้ว ยัง อาจก่อให้เกิดโทษร้ายแรงต่อผู้ป่วยได้อีกด้วย 

- การไม่สามารถแยกระหว่างกัญชาทางการแพทย์กับกัญชาเพื่อนันทนาการ : ผู้ที่เสพกัญชาเพื่อนันทนาการสามารถใช้เหตุผลทางการแพทย์เพื่อคงการใช้แบบนันทนาการของตน 

- เยาวชนหรือคนอื่นเข้าถึงกัญชาได้โดยง่าย : เนื่องจากผู้ ปลูกอาจจะมีความย่อหย่อนในการป้องกันเยาวชนหรือคนอื่นเข้าถึงการใช้กัญชาเพื่อนันทนการ

- การนำกัญชาไปผสมอาหารจนเกิดผลเสียต่อสุขภาพ โดยไม่สามารถหาผู้รับผิดชอบได้

- การเสพเพื่อนันทนาการที่บ้านไม่เป็นความผิด ทั้งที่การเสพนั้นจะเป็นผลเสียต่อผู้เสพและผู้ใกล้ชิดในครอบครัว รวมทั้งเด็กและเยาวชน ทั้งในระยะฉับพลันและระยะยาว

** การทำให้กัญชาทางการแพทย์เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ควรมีหลักการเบื้องต้น ดังนี้ 

1.การดำเนินการและการบำบัดรักษาโรค/ภาวะใด ต้องอิงหลักฐานเชิงประจักษ์แบบปัจจุบัน ส่วนความเชื่อ หรือความรู้ดั้งเดิมนั้น ให้มีการพิสูจน์ด้วยกระบวนการวิจัยที่ได้มาตรฐาน จนทราบถึงประโยชน์และโทษอย่างถ่องแท้ก่อนนำไปใช้กับผู้ป่วย 

2.ผลิตภัณฑ์กัญชาต้องมีคุณภาพและอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติยา : เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยผลิตภัณฑ์กัญชา ผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้ต้องไม่มีสารปนเปื้อน ใช้สารสกัดและมีปริมาณของสารออกฤทธิ์ที่สำคัญ คือ THC และ CBD คงที่ในทุกผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย ผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อการแพทย์ควรอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติยา เช่น มีการขึ้นทะเบียนยา ข้อบ่งใช้ ข้อห้ามใช้ข้อควรระวัง เอกสารกำกับยา เป็นต้น 

3.กลุ่มผู้ให้การรักษา เช่น แพทย์ เภสัชกร ต้องได้รับการอบรมการใช้กัญชามาก่อน 

4.ผู้ป่วยต้องได้รับการคัดกรองและประเมินตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และหลังการรักษา 

5.มีหน่วยงานภาครัฐกำกับดูแลผลิตภัณฑ์กัญชา เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จัดหา และบริหารผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ โดยอาจดำเนินการเช่นเดียวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ที่ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์อยู่แล้ว เช่น มอร์ฟีน เมธาโดน ด้วยวิธีการเช่นนี้ นอกจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะจัดหาผลิตภัณฑ์กัญชาที่มีคุณภาพให้แล้ว ยังสามารถควบคุมมิให้เกิดการนำผลิตภัณฑ์กัญชาไปใช้ในทางที่ผิดได้อีกด้วย 

เนื่องจากหลายประเทศยังกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษ และกัญชาที่ได้จากการปลูกโดยบุคคลทั่วไป ไม่มีคุณภาพและมีสารปนเปื้อนสูง ระบบการปลูกและผลิตกัญชาของไทยในปัจจุบันจึงไม่สามารถส่งออกไปขายยังต่างประเทศและก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศได้ การส่งเสริมการปลูกกัญชามากจะทำให้กัญชาล้นตลาด (ภายในประเทศ) ราคาต่ำลงและนำมาใช้เองได้ง่าย หรือเกิดแรงจูงใจให้ใช้เองมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้เพื่อนันทนาการ ทำให้ได้รับสารพิษและธาตุโลหะหนักจากกัญชา ซึ่งท้ายที่สุดจะเกิดผลเสียมากมายต่อสุขภาพและเศรษฐกิจที่จะตามมา

จากเหตุผลดังกล่าวมาแล้ว แพทยสภา แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ และราชวิทยาลัยต่าง ๆ ขอเน้นให้ใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างถูกวิธีที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ขอคัดค้านการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการ และขอให้ทุกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับกัญชาได้มีกลไกที่จะยับยั้งการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการด้วยเสมอ 

 

ข่าวเกี่ยวข้อง : "อนุทิน-สาธิต" สยบข่าวลือปมร้าวพรรคร่วมรัฐบาล ด้านเครือข่ายฯแพทย์ ร้องปิดกม.กัญชาเสรี 

 *สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org