ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) รวมพลังภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ วิชาการ และประชาสังคม ร่วมนำเสนอผลงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ์จากการเรียนรู้ และขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วม ในงาน 15 ปี สุขภาพแห่งชาติ “พลังภาคีสร้างสังคมสุขภาวะ” พร้อมแสดงจุดยืนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง พร้อมขับเคลื่อนแนวคิด “ทุกนโยบายห่วงใยสุขภาพ” ให้เป็นรูปธรรม

นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยถึงความสำเร็จของการจัดงาน 15 ปีสุขภาพแห่งชาติ “พลังภาคีสร้างสังคมสุขภาวะ” ระหว่างวันที่ 27-28 ตุลาคม 2565 ว่าได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพจากทุกภาคส่วน ร่วมนำเสนอผลงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วมที่หลากหลาย ภายใต้พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550

การจัดงานในครั้งนี้มีหลากหลายประเด็นสุขภาพที่ยกมาพูดคุยกัน ทั้งในเชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติ โดยมีตัวอย่างการขับเคลื่อนงานที่เป็นรูปธรรม อาทิ ประเด็นพระสงฆ์กับการพัฒนาสุขภาวะ ที่เรามีการผลักดันและขับเคลื่อนในเรื่องสุขภาพของพระสงฆ์จนเกิดเป็นธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ พ.ศ.2560 ซึ่งนำไปสู่แนวทางปฏิบัติในการดูแลสุขภาพของพระสงฆ์ที่ถูกต้อง รวมทั้งสุขภาพของชุมชน เป็นการขับเคลื่อนให้พระสงฆ์มีบทบาทในสังคม โดยการแนะนำเรื่องสุขภาพให้กับชุมชน ทั้งสุขภาพใจและสุขภาพกายให้แข็งแรง ทำให้ชุมชนกับศาสนามีความใกล้ชิดกันมากขึ้น 

หรือตัวอย่างการทำงานภาคประชาสังคมของชุมชนคลองเตยในการสร้างมาตรการดูแลชุมชนในช่วงสถานการณ์โควิด-19` ที่ผ่านมา หรือความปลอดภัยในอาหาร ที่จะต้องมีการผลักดันให้มีการควบคุมศัตรูพืชด้วยชีวภาพ หรือชีววิถี หรือเรื่องของการขับเคลื่อนนโยบายการใช้ยาระดับประเทศ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาเชิงนโยบายด้านสุขภาพที่ได้มีการพูดคุยกัน โดยเฉพาะประเด็นของการเสริมสร้างสุขภาวะระยะสุดท้ายของชีวิตรับสังคมสูงวัย และมุมมองสังคมสุขภาวะในสายตาของคนรุ่นใหม่ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
 

นอกจากนี้ ​ในช่วงปาฐกถาพิเศษ “ครึ่งทศวรรษที่สอง กับภารกิจขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ ของ สช. เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า “งานสำคัญของ สช. ที่ผ่านมาคือ การมุ่งสร้างชุมขนเข้มแข็ง ขณะเดียวกันอีก 5 ปีข้างหน้าเราจะจับมือกับภาคีหุ้นส่วนในการร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายสู่การมีสุขภาวะที่ดี เพื่อพร้อมส่งมอบภารกิจนี้ให้คนรุ่นต่อไป”