ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปลัดสธ.เผยขณะนี้ถ่ายโอน รพ.สต.ไปอบจ. แล้ว 14 จังหวัดจากทั้งหมด 49 จังหวัด ถือว่ายังน้อย แต่ก็ต้องขึ้นกับความพร้อมของ อบจ. แต่ละแห่ง ขณะนี้มีปัญหาบุคลากรบางกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนใจไม่อยากถ่ายโอน แต่กฎหมายไม่สามารถทำได้ จึงต้องหาทางออกโดยคณะกรรมการถ่ายโอน หาแนวทางต่อไป

เมื่อวันที่  1 พ.ย.2565  นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์  ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)  ถึงความคืบหน้าเรื่องการถ่ายโอนสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี(สอน.) และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้องค์การปกครองส่วนจังหวัด (อบจ.) ว่า ได้รับรายงานว่าขณะนี้ถ่ายโอนไปได้ 14 จังหวัด จากทั้งหมด 49 จังหวัด ถือว่าค่อนข้างน้อย แต่ก็อยู่ที่ความพร้อมของทาง อบจ. แต่ละแห่งด้วย อย่างไรก็ตาม  ในส่วนของบุคลากร ขณะนี้มีปัญหาบางกลุ่ม ในพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ถ่ายโอนแล้วแต่ยังไม่ได้ถ่ายโอน กลับเกิดการเปลี่ยนใจไม่อยากโอนย้าย  ซึ่งตามกฎหมายไม่สามารถทำได้  จึงอยู่ระหว่างเร่งหารือร่วมกับคณะกรรมการถ่ายโอนฯ ว่าจะดำเนินการอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีคนที่ถ่ายโอนและเปลี่ยนใจอยากกลับมากระทรวงสาธารณสุข จะทำอย่างไร ปลัด สธ. กล่าวว่า กำลังปรึกษาไปยังคณะกรรมการถ่ายโอนฯ เพราะเป็นประเด็นข้อกฎหมายและข้อปฏิบัติ ตรงนี้ไม่ได้ติดขัดจากกระทรวงสาธารณสุข แต่อยู่ที่คณะกรรมการถ่ายโอนว่า จะมีกฎหมายรองรับหรือมีความชัดเจนอย่างไร  ทั้งนี้ จะมีการเร่งรัดหารือเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดผลกระทบกับบุคลากร ทราบว่าคณะกรรมการฯ จะมีการประชุมกันในสัปดาห์หน้า

เมื่อถามถึงกรณีบุคลากรสาธารณสุข ในกลุ่มลูกจ้างชั่วคราว พนักงานกระทรวงฯ ที่ต้องจ้างเงินบำรุง หาก อบจ.ยังไม่พร้อม ทางกระทรวงฯ จะต้องจ้างต่อถึงเมื่อไหร่ นพ.โอภาส กล่าวว่า หากยังเป็นบุคลากรสาธารณสุข ก็ยังจ้างปฏิบัติงานอยู่เช่นเดิม อย่างไรก็ตาม จากการติดตามผลกระทบจากการถ่ายโอนในแง่ของประชาชน ไม่มีผลกระทบใดๆ ส่วนที่เป็นปัญหาคือ บุคลากรที่มีชื่อถ่ายโอนไปแล้ว แต่ไม่อยากไป ก็ต้องมาหารือว่าจะแก้ปัญหาในส่วนของคณะกรรมการถ่ายโอนฯ อย่างไร รวมถึงเรื่องงบประมาณถ่ายโอนก็มีการถ่ายโอนตามขั้นตอน ส่วนงบฯ ที่อยู่ในระบบสปสช. ก็จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนของ สปสช.ต่อไป

“ประเด็นเรื่องการติดตามประเมินผลหลังการถ่ายโอนรพ.สต.นั้น มีทีมวิชาการดำเนินการเรื่องนี้ และจะมีการนำเสนอต่อไป” นพ.โอภาส กล่าว