ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุขรับมอบวัคซีนไฟเซอร์รุ่น 2 จากเกาหลีใต้จำนวน  501,120 โดส อยู่ระหว่างตรวจสอบคุณภาพวัคซีนก่อนกระจายทั่วประเทศ ประชาชนสนใจติดต่อหน่วยบริการ ด้าน “อนุทิน” เผยไทยมีการติดตามผลการฉีดวัคซีนมากกว่าประเทศอื่น ไม่ต้องกังวล หลังสหรัฐมีข่าวบางกลุ่มค้านใช้ mRNA ย้ำ! มีความปลอดภัยสูง

 

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พร้อมด้วยนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค รับมอบวัคซีนโควิด-19 รุ่น 2  หรือไบวาเลนท์ (Bivalent) จากรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี โดยนายมุน ซึง ฮยอน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย  โดยให้เป็นวัคซีนไฟเซอร์รุ่น 2 จำนวน  501,120 โดส

นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เกาหลีใต้บริจาควัคซีนให้ประเทศไทย โดยครั้งนี้บริจาคกว่า 5 แสนโดส โดยครั้งแรกบริจาควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 470,000 โดส นับตั้งแต่มีสถานการณ์โควิด ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ให้การสนับสนุนเรื่องต่างๆ กับทางประเทศไทยตลอดเวลา  อย่างไรก็ตาม สำหรับวัคซีนโควิดครั้งนี้ได้ส่งให้ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบคุณภาพ เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้วก็จะกระจายลงยังพื้นที่ต่างๆตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้จะมีการบริจาควัคซีนหลายๆประเทศ  แต่ต้องรอการรับทราบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)  ซึ่งจะมีการประกาศต่อไป

“วัคซีนทุกล็อตที่เข้ามาต้องผ่านการตรวจสอบก่อน ไม่ใช่ไปฉีดได้เลย เมื่อผ่านการตรวจสอบคุณภาพแล้วก็จะกระจายต่อไป โดยวัคซีนรุ่น 2 เน้นบูสเตอร์โดส ใช้หลักการเดิมว่า หากฉีดเข็ม 3 แล้วเป็นเวลา 3 เดือนก็ฉีดเข็ม 4 และหากฉีดเข็ม 4 ไปประมาณ 4 เดือนก็ค่อยฉีดเข็ม 5 หากต้องการฉีดกระตุ้นเข็ม 6 อีกก็เว้นไว้ประมาณ 3-4 เดือนก็ค่อยฉีดกระตุ้นต่อไป ซึ่งประชาชนสามารถติดต่อสอบถามทางหน่วยบริการของสธ.ได้” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ทั้งนี้ วัคซีนดังกล่าวมุ่งใช้เป็นเข็มกระตุ้นในผู้ที่เคยได้รับวัคซีนไฟเซอร์ตั้งแต่ 2 เข็มขึ้นไป จากการวิจัย สามารถลดการติดเชื้อแบบมีอาการได้ ร้อยละ 30-50 แต่เรื่องของความปลอดภัยมีความปลอดภัยสูงมาก สามารถใช้ได้ทั้งรุ่น 1 และ 2  เป็นเข็มกระตุ้นได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนจากการที่ประชาชนมีภูมิคุ้มกัน ทั้งฉีดวัคซีน หรือติดเชื้อ ทำให้มีภูมิฯมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการติดเชื้ออาจมีบ้าง แต่อันตรายจากการติดเชื้อจนป่วยหนัก และเสียชีวิตลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แม้เราจะเปิดประเทศแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในสหรัฐยังมีการต่อต้านการใช้วัคซีน mRNA มองเรื่องนี้อย่างไร เพราะคนไทยบางส่วนอาจกังวลความปลอดภัย และนักวิชาการบางส่วนบอกว่า วัคซีนไม่ควรฉีดเยอะ นายอนุทิน กล่าวว่า คำว่าไม่ควรฉีดเยอะ ไม่ได้หมายถึงมาฉีดทุกเดือน ต้องดำเนินการตามคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน และคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ประเทศไทยทำมากกว่าประเทศอื่นๆเยอะ ในเรื่องผลการศึกษาการฉีดวัคซีน คงเปรียบเทียบกับประเทศอื่นได้ เราต้องดูผลลัพธ์ อย่างอัตราการติดเชื้อลดลง อัตราการเจ็บป่วยจนเข้าไอซียู อาการหนักๆก็ลดต่ำลง ส่วนคนที่ป่วยหนักจากการติดตามก็จะพบว่า มีโรคประจำตัวอื่นๆ และไม่ได้รับวัคซีนจนครบตามที่แนะนำไว้ ซึ่งคนที่ได้รับวัคซีนมากกว่า 4 เข็มขึ้นไป แทบไม่พบการเสียชีวิตจากโควิด เว้นแต่เสียชีวิตจากเรื่องอื่นๆ

   *สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org